ตามล่าทะเลหมอก เที่ยวเขาค้อ ภูทับเบิก วันที่ 2

เคยรู้สึกเหมือนรักแรกพบไหมคะ แบบว่า เฝ้าใฝ่ฝันคิดถึงเขาทุกวัน รอวันที่จะได้พบเจอ มันทั้งลุ้น ทั้งตื่นเต้น ความรู้สึกที่จะเจอคุณทะเลหมอก ณ ภูทับเบิก เป็นอย่างนั้นเลย

คอยแหวกม่าน (เต้นท์) ตั้งแต่ตี 4 ทุกครึ่งชั่วโมง ไหนๆ แหม เค้าดูกันตอนตี 5.30 นะหมวย จะตื่นเต้นไปไหนเนี่ย ไปล้างหน้าล้างตา จะได้สวยไฉไลแล้วค่อยมาเจอคุณทะเลเหมอกดีกว่า เอิ่ม เริ่มเว่อร์ไปแล้ว ทะเลหมอกไม่ใช่ผู้ชาย

แต่เพื่อความชัวร์ ไปแปรงฟัน เตรียมอุปกรณ์ ตี 5.30 จะได้พร้อม อากาศลมช่างหนาวเย็นจับใจ ลมโกรก หวีดหวิว เสียงดัง เต้นท์สั่น นอนคุมโปงรอแสงพระอาทิตย์อุ่น ๆ แหวกเมฆมาเจอ หุๆ

แต่เอ๊ นานเหมือนกันเนอะ ทำไมคุณทะเลหมอกไม้ยักกะมาทักเสียที เอาล่ะออกไปหามุมถ่ายรูปกันดีกว่า คุณทะเลหมอกมาปลิวไปตามลมพัด กลายเป็นหมอกฟุ้ง ๆ ปลิวๆ ไกลๆ

เลยต้องเปลี่ยนเลนส์ 24-70 ตามซูมพฤติกรรมคุณหมอก ว่าไปปลิวที่ทิศไหน จากที่พัก จะเป็นแนวทิวเขา ด้านหลังเป็นวัดป่า ทราบภายหลังว่ากำลังก่อสร้างอยู่ ถ้าเสร็จน่าจะเป็นอีกมุมที่สวย พอเป็นแลนด์มาร์คได้เลย

เสียดายมากที่คุณพระอาทิตย์ไม่สองแสงมาช่วยคุณหมอก บรรยากาศของภาพออกทึมๆ เศร้าไปสักหน่อย ถามพี่เจ้าของบอกว่า ลมหนาวมาแล้ว หมอกจะถูกลมหนาวพัดฟุ้งกระจาย ไม่เป็นทะเลหมอกเหมือนหน้าฝน TwT มาพลาดไปเดือนนึงสินะ

เอาหน่ะ ปีหน้าว่ากันใหม่นะคุณหมอก ปีนี้ทำได้แค่ จกข้าวต้ม ฟินกับลมหนาวกันไป

รีบอาบน้ำ (อาบอีกแล้ว ผู้ชายบอกว่า กะเอาให้คุ้มเลยใช่มะ 555) เพื่อที่จะเดินเท้า ไปเอารถ ทำเป็นพูดเว่อร์ ขอติดกระบะพี่เค้าไปเอารถ ขับไปจุดชมวิว เผื่อเก็นทะเลหมอกได้

ขับออกไปนิดเดียวเห็นทุ่งกะหล่ำ และดูแววแล้ว พี่หมอกน่าจะปลิวไปกับสายลม หมวยเลยเลือกจอดรถและแวะทุ่งกระหล่ำ เห็นพระสงฆ์เดินบิณฑบาตร เลยขอนิมนต์และทำบุญสักหน่อย ถึงทราบว่าวัดที่เห็นว่ายังสร้างไม่เสร็จคือวัดป่า ห่างจากที่พักไป 2 กิโล ต้องใช้รถ 4 wheels เท่านั้น สอบถามท่าน มีคนอาสาขับไปส่งที่วัดอยู่ โล่งใจ นึกว่าท่านต้องเดินกลับวัดเอง เหนื่อยแย่เลย

เก็บภาพวิว ภู่เขา แล้วเดินขึ้นเนินไปทุ่งกระหล่ำตามที่ตั้งใจไว้ อันดับแรกขออนุญาตคุณป้าเจ้าของไร่เสียก่อนว่าเราจะเข้าไปถ่ายรูป ป้าใจดีไม่ว่าอะไร ไม่เก็บสตาค์ด้วย เลยคุยกับป้าไประหว่างป้า คอยก้มๆ เงย ถอนวัชพืช ถามป้าว่ากระหล่ำปลีพวกนี้ ต้องใช้เวลาปลูกนานถึง 3 เดือน ถึงจะเริ่มเก็บผลผลิตได้ โดยเอาไปขายพ่อค้าคนกลางที่ตลาด ราคาไม่แน่นอนแล้วแต่ อะไรก็ไม่รู้ 555 แบบว่า ป้าบอกว่า “ถ้าขายดีก็กำไรดี ขายไม่ดีก็กำไรไม่ดี” เลยไม่รู้แปลว่าอะไร

ที่หมวยถ่ายรูปมา กระหล่ำมีอายุ 1.5 เดือน กำลังเริ่มห่อเป็นก้อนกลมและจะใบจะเริ่มซ้อนเป็นชั้นจนแน่นและเริ่มเก็บขายได้ ป้าไม่ได้ดูแลคนเดียว มีลูกและหลานช่วยทำด้วย อากาศที่นี่ดี ชุ่มชื้นดินดี ป้าไม่ต้องรดน้ำเลย แค่คอยดูแลวัชพืชกับทากอย่างเดียว

เก็บภาพจนพอใจแล้ว ก็บอกลาและขอบคุณป้าที่ให้เดินเข้าไปเก็บรูปสวยๆ ขับรถเลยไปอีกนิด เห็นร้าน อาหาร ไร่สุวิทย์ สาบานได้ว่า กินข้าวต้มมานิดเดียว มันแบบว่า ย่อยหมดแล้วอ่ะ

เลยขอแวะโดน ขาหมูยูนานให้ถึงถิ่น ภูทับเบิกสักหน่อยเนอะ อยากจะไปโดนร้านโรงเตี๊ยมเหมือนกัน แต่ไม่น่าใจว่าเปิดหรือยัง เลยขอจัดร้านนี้ก่อน ลูกค้าเยอะทีเดียวส่วนใหญ่เป็นคนที่พักในรีสอร์ท เราสั่งอาหารแบบเจียมเนื้อตัว เพราะดูโต๊ะข้างๆ แล้วจานใหญ่อยู่

เลยสั่งมา3 อย่าง (นี่เจียมตัวแล้วเรอะ) ขาหมูยูนาน 1 ขา ยักษ์มาก เห็ดหอมคั่วเกลือ และ ผัดผัก จะบอกว่ารสชาติ ขาหมู นี่ใช่เลย ไม่เค็มและหวานมากไป แต่ไขมันนี่ท่วมเลย อร่อยสุดๆ 555 ไม่เหมาะกับคนลดความอ้วนอย่างร้ายแรง ที่ถูกใจคือ เห็ดหอม มันหวานและสดคั่วกับเกลือและเครื่องเทศ เค็มๆ นิดหน่อย กลมกล่อมดี สิริรวมค่าอาหาร 365 บาท พร้อมข้าวเปล่าและน้ำ สบายกระเป๋าอ่ะ ชอบๆ

บรรยากาศจากร้านอาหารก็สวยงามดี เก็บภาพได้หลายรูปเชียว ที่พักก็ดูดี เป็นอีกที่นึง ที่น่าสนใจ หากใครต้องการหาที่พักภูทับเบิกล่ะก็

คงต้องอำลาภูทับเบิก ไว้เพียงเท่านี้ ถึงแม้เศร้าเหมือนถูกผู้ชายชื่อทะเลหมอกหักอก แต่ระหว่างทาง เราเห็นรถจอด ไม่รอช้า ไทยมุง สิครัช

และเราก็ไม่ผิดหวัง จะบอกว่า เป็นหมอกที่ชอบที่สุดในทริปก็ว่าได้ ด้านหน้าเป็นภูเขา หมอกลอยอ้อยอิ่ง ท่ามกลางสวนกระหล่ำปลีริมภูเขา

โอ้ย ดีใจมาก อย่างน้อยคุณหมอกก็ยังให้ความหวัง อย่างนี้ค่อยมีกำลังใจจัดทริปมาเจอคุณหมอกปีหน้าสักหน่อย

ทางผ่านที่หมวยแวะ จะถึงก่อนทางขึ้น ภูหินร่องกล้านะคะ จากขาขึ้นภูทับเบิก อิ่มอกอิ่มใจจัดไปได้หลายแชะ

สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปของเราคือ วัดผาซ่อนแก้ว ค่ะ

โปรดติดตามได้ในตอนต่อไป นะครัช วัดที่วิจิตร ครั้งหนึ่งในชีวิตควรมาเยือน

# I am traveller

ปล. ทำไมท่าโพสผู้ชายชนะเลิศกว่าล่ะเนี่ย คงต้องเร่งฝึกปรือฝีมือทริปหน้า