เกาะลิบง
ล่องใต้คราวนี้ นอกจากอุณหภูมิในร่างกายร้อนพลุ่งพล่านด้วยการเจ็บป่วย สวนทางกับอากาศภาคใต้ในทริปนี้ ที่มีฟ้าหม่น และเมฆฝนเกือบตลอดทั้งทริป
เราเลือกมาเที่ยวเกาะลิบง เกาะที่ใหญ่ที่สุดในจ.ตรัง ตั้งที่อยู่ที่ อ.กันตัง ขับรถจากตัวเมืองตรัง ไม่ไกลมาก เจอท่าเรือที่โดยสารตรงไปที่เกาะลิบงได้เลย ค่าเรือ ประมาณ 50 บาทต่อคน ออกเป็นรอบ
หากขับรถมา สามารถจอดรถที่ท่าเรือได้ รอบนี้เรามาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ตัวแทบจะไม่เปียกน้ำเลยทีเดียว คนส่วนใหญ่มาเที่ยวเกาะ มีทริปที่จะไปดำน้ำมากกว่า แต่อันที่จริงแล้วเกาะลิบงมีสถานที่ที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะ ที่เกาะเต็มไปด้วยหญ้าทะเล ซึ่งเป็นของโปรดของปลาพะยูน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่กำลังจะสูญพันธ์ OMG!
ไปเที่ยวกันดีกว่า ก่อนขึ้นเรือ ท้องฟ้าสดใสสุดๆ เรือมีขนาดลำใหญ่ ไม่น่ากลัวเลย ใช้เวลาข้ามไปเกาะไม่นานแค่ 15 นาที ขึ้นเรือปุ๊ป เมฆฝนมาปั๊ป เอิ่มทริปนี้จะรอดมั้ยเนี่ย
ขึ้นฝั่งได้ เราก็จ้างรถเหมา 2 คันพาเที่ยวรอบเกาะ ค่าจ้างคันละ 400บาท พี่คนขับคันเรา เป็นไกด์ที่ดีมาก แกเล่าว่า บนเกาะ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมาอยู่กันเป็นครอบครัว บ้างก็ไปทำงานนอกเกาะ สงกรานต์ก็กลับมาเยี่ยมบ้าน
มีจุดที่พี่เค้าจะพาเราไปแวะชม หาดหน้าเกาะ และหลังเกาะ เลยถามแกไปว่า ทำไมถึงเรียกว่าหลังเกาะล่ะคะ แกว่า บางอย่างก็ไม่ต้องคิดลึกซึ้งก็ได้ 555 ถามผิดสินะ พี่แก โบกมือทักทายทุกบ้านที่ผ่าน คิดว่าถ้าสมัยหน้า แกลงเลือกตั้ง แกน่าจะได้ตำแหน่งอะไรบ้างแหละ รู้จักไปม๊ดดด
หลายบ้านทำเป็นโฮมสเตย์ง่ายๆ รองรับนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่คนที่นี่ประกอบอาชีพประมง ด้านขวา ที่เห็นในภาพ จะเป็นแหล่งน้ำจืดในทะเล คือพอน้ำทะเลขึ้นในตอนเช้า และกลางคืน ในแอ่งจะเป็นน้ำจืดซึ่งเป็นแหล่งน้ำของนก และชาวบ้านในยามหน้าแล้ง
เขาสูงไกลๆ ทีเห็นคือที่ที่นักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปชม เฝ้ารอปลาพะยูนมาเล่นน้ำ ใครชอบแนว Adventure แนะนำให้ปีนภูเขา แต่จำเป็นต้องนอนค้างที่เกาะนะจ้ะ เพราะปลามักจะมาว่ายน้ำเล่นเวลาเย็นๆ พี่เค้าว่างั้น
ปูม้าตัวใหญ่ๆ อยากจะได้กินต้องมาให้เร็วกว่า เพราะที่เห็นมีเจ้าของหมดแล้ว ปูที่ติดอวนตัวเล็ก เค้าก็นั่งแกะเอาเนื้อขายเป็นเศษปูอีกที
ขับเลยไปอีกนิด เป็นสะพานเดินไป ประภาคาร ทางค่อนข้างทรุดโทรมมากแล้ว แต่ด้วยสปิริตอันแรงกล้า เดินตากแดดไปเพื่อรูปสวยๆ โดยเฉพาะ
ประภาคารไกลลิบลับ บั่นทอนจิตใจซะเหลือเกิน แต่ด้วย prop ที่มี ทำให้สนุกกับการถ่ายรูปได้ (ด้านขวา เป็นภูเขาที่ดูปลาพะยูน) น้ำลงหมดเลย เวลาเกือบเที่ยง เย็นๆ แถวนี้น้ำก็จะขึ้นมาเต็มหมดเลย
ถึงแม้อากาศจะร้อนมาก แต่ก็นึกดีใจว่า ก็ดีกว่าฝนตก อดถ่ายรูปล่ะเนอะ เดินไปได้อีกพักนึง คิดว่าตัวเองเริ่มจะแก่แล้ว ไปไม่ถึงประภาคาร กลับมาถ่ายรูปวิถีชีวิตชาวประมงดีกว่า
หมวยชอบการท่องเที่ยว ที่ไม่ได้ไปเที่ยวแล้วแค่เปลี่ยนที่นอน ชอบที่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ มีเรื่องราว มีชีวิต ให้เราศึกษาค้นหา และเรียนรู้ ถ้าถามว่าเกาะลิบง สวยมากไหม ก็อาจจะไม่สวยเท่าภูเก็ต สมุย เกาะเต่า แต่วิถีชีวิตที่นี่เรียบง่าย น่ารัก ดูแล้วไม่ปรุงแต่งดี
หมวยหลงรักรอยยิ้ม ในทุกที่ที่เดินผ่าน หาที่ไหนไม่ได้ง่ายในประเทศอื่น นอกจากประเทศไทย หากเรายิ้ม พวกเค้าจะยิ้มตอบเรา
่เดินผ่านบ้านคุณลุง เห็นลูกเป็ดเทศ น่ารักมาก อยากจะจับตัว คุณลุง เลยไปหยิบอาหารมาโปรย เพื่อให้หมวยได้จับลูกเป็ดขึ้นมาเล่น คุณลุงใจดีมากเลย
หน้าตาเบิกบานสุด ถึงแม้ไข้จะสูงถึง 39 แต่เวลาได้สัมผัสอะไรแปลกใหม่ จะมักเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
ถัดมาอีกนิดเดียว เกือบจะเดินกลับไปขึ้นรถอยู่แล้ว ได้ยินเสียงเพลง แปลก ใสๆ เย็นๆ เพราะสะดุดหูจังเลย เลยได้ถ่ายวิดีโอคลิปอันนี้ขึ้น บอกเลยว่า ได้เจอ ขุมทรัพย์แห่งเกาะลิบงแล้ว ไปฟังด้วยกันเลยค่ะ
ทิ้งท้ายด้วยคลิปเพลงนี้ แบบดีใจ ปลื้มเป็นที่สุด ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันไหม เวลาได้มาพบ ผ่าน เจอวิถีพื้นบ้าน ที่เรียกว่า หาได้ยาก แล้วมันอิ่มใจสุด มันเจ๋งพอๆ ได้เจอธรรมชาติที่งดงาม แต่นี่เป็นวัฒนธรรมที่สวยงาม ซึ่งมนุษย์ได้สร้างสรรขึ้น
ตอนหน้ายังพาเที่ยวเกาะลิบงอยู่นะจ้ะ ติดตามอ่านกันน๊า
I am traveller
13 พค 58