Iluvtravelling

Iamtraveller พาเที่ยว แม่กำปอง ตอนที่2

หลังจากตอนที่แล้ว พาเที่ยวซะทั่ว เพื่อนๆ อาจจะคิดว่า จะมีอะไรให้เที่ยวอีก แหม ยังดื่มด่ำไม่พอสิ อยากให้มานอนโฮมสเตย์แม่กำปองจริงๆนะ

การได้พักที่พักที่ใช่ ก็เหมือนได้มาเที่ยว ติดต่อผู้ใหญ่บ้าน เค้าเลือก บ้านที่เข้าร่วม ขึ้นกับจำนวนคนที่เข้าพัก อยากรู้เหมือนกันว่ากับข้าวบ้านอื่นอร่อยอ๊ะเปล่า 555

ประทับใจมาก เลยอยากบอกต่อ อยู่เมืองกรุงกินแต่อาหารถุง เวลาอยากจะกินผัก นึกได้แต่สลัด เบื๊อเบื่อ… มาที่นี่ ถึงแม้ หมู ไก่จะไม่ได้มากมาย แต่ผัก ถูกแปลงเป็นอาหารที่หลากหลาย และอร่อยลงตัว

เลยเป็นที่มาว่า Everything is Simple but Special

คือของง่ายๆ แต่มีคุณค่า เช่นเมนูดังต่อไปเน้ ตัวอย่างจิ๊บๆ

  1. เมนูไข่ดาว แต่ทอดโดยไม่ใช้น้ำมัน วิธีคือ เทน้ำต้มพอร้อน วางใบตองตอกไข่ลงไป เหมือนการทอดไข่บนใบตอง แต่ทำให้ใบตองไม่ไหม้และไม่ต้องใช้น้ำมันแต่อย่างใด

2. น้ำพริกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ คือทานแล้วนึกว่าทานน้ำพริกปลาทูน่า เพียงแต่ไม่มีกลิ่นคาวของปลาทู เคล็ดลับคือเอาเม็ดมะม่วงไปคั่วให้หอมก่อนแล้วโคลกให้เข้ากันกับพริกหนุ่มของทางเหนือ ได้เมนูนี้มา อร่อยล้ำไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน

3. ข้าวต้มเครื่องเห็ดหอม คือหอมและเหนียวนุ่มมากมาย น้ำซุปก็หวาน เคล็ดลับคือ เอาข้าวสารใหม่ไปหุง พอเดือดเอาหมูสับที่หมักแล้วใส่เข้าไป ที่น้ำหอมหวาน เพราะใช้ข้าวสารใหม่ มันจะเหนียว และหวานน้ำข้าว

อื่นๆ พวกแกง ผัดผัก ลวกจิ้ม ทานคู่กับน้ำพริก อร่อยมว๊ากก ถามแม่ซอล แม่เจ้าของบ้านบอกว่า อยู่หลายวันก็มีอาหารให้ทานได้ไม่ซ้ำ เพราะผักเมืองเหนือมีมากมาย แค่คิดก็น้ำลายจะไหลอีกแว้ว

ใครที่มาเที่ยวแล้วอยากจะค้างแม่กำปอง แนะนำโฮมสเตย์แม่กำปอง นะคะ อย่าแค่ไปเช้าเย็นกลับเลย มาถึงที่แล้วมานอนที่นี่ รับรองความสุข เพิ่มขึ้นหลายเท่าเลย

เติมพลังที่บ้านแม่ซอลเรียบร้อย จอดรถไว้ ไม่ต้องขับ เพราะวันนี้เราจะเดินไปเที่ยววัดกัน เดินแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว

วัดคันธาพฤกษา เป็นวัดสำคัญในหมู่บ้านแม่กำปอง ระหว่างหมวยเดินไป เห็นชาวบ้านเดินถือปิ่นโต สวนทางกลับมา ถามแม่ซอลบอกว่า วัดนี้มีพระเพียง 3 รูป เคยมีพระจากกรุงเทพมาจำวัดที่นี่หลายพรรษา เพื่อศึกษาพระธรรม

วัดที่นี่เงียบสงบ พระท่านออกมากวาดลานวัด

วัดคันธาพฤกษา เป็นวัดที่ทำจากไม้สักทองแกะสลัก เป็นโบสถ์ที่ใช้ในการประกอบศาสนา ซึ่งปลูกอยู่กลางน้ำ ซึ่งมีเพียงสองแห่งในเชียงใหม่ และที่นี่เป็นหนึ่งในนั้น

ป้ายวัดมีภาษาล้านนาโบราณเขียนประกอบ ดูขลังขึ้นเป็นกอง

มาถึงปุ๊ป ต้องจ่ายส่วยปั๊ป ได้ผู้นำทาง และผู้คุ้มครองไปในตัว ^^

ด้านบนบริเวณวัดมีอุโบสถที่ประกอบพิธีทางศาสนา มีกำแพงและเสมาล้อมรอบ มีบอดี้การ์ดส่วนตัวเป็นนายแบบ

วันที่หมวยไปพ่ออุ้ยข้างบ้านเสีย คนมาช่วยงานเยอะเลย เห็นนำโลงของพ่ออุ้ยไว้บนรถตกแต่งเป็นเหมือนปราสาท แม่ซอลเล่าว่า ก่อนวันเผาจะนำมาไว้บนรถเพื่อง่ายต่อการขนย้าย และให้เหมือนได้นอนบ้าน ปราสาทเปรียบเสมือนบ้าน

นอกจากนี้มีเจดีย์สีขาวตั้งเด่นเป็นสง่า

ด้านล่างเป็นโบสถ์กลางน้ำ เดินอูโบสถด้านบนจะพบทางลงบันไดและเสียงน้ำของลำธาร เดินตามเสียงไปเลยค่ะ บันไดมั่นคงแข็งแรงเดินสะดวก

วิหารกลางน้ำนี้ เป็นไม้สักทองทั้งหลัง โดยท่านเจ้าอาวาสรูปแรกต้องการให้สร้างให้ลำธารล้อมรอบเปรียบเสมือนใบเสมาของอุโบสถหลังนี้

วัดแห่งนี้ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2473 นานกว่า 80 ปีแล้ว แต่ยังได้รับการดูแลอย่างดี ด้านในมีพระพุทธรูปให้สักการะ อากาศดี ลมเย็น เงียบสงบมาก เข้าวัดทีไร รู้สึกปลอดโปร่งและสบายใจบอกไม่ถูก

เข้าวัดทำบุญ ไหว้พระกันแล้ว หากใครหิว ในหมู่บ้านแม่กำปอง มีร้านอาหารหลายร้าน แต่เนื่องจากเป็นหมู่บ้านเล็กๆ จึงไม่มีตลาด มีแต่เพียงร้านค้าสวัสดิการ ซึ่งมีอาหาร และผักให้เลือกซื้อเล็กน้อย

ร้านอาหารมีอยู่ 2-3 ร้าน มีทั้งขายส้มตำ ไส้อั่ว ก๋วยเตี๋ยว สามารถเลือกทานได้ตามสะดวก

หากมีโอกาสอยู่ถึงตอนเย็น มีร้านจิ้มจุ่ม “แม่กำปองป้ายแดง” อยู่ถึงก่อนวัดทางด้านซ้ายมือนิดเดียว เปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็น จนสามทุ่มกว่าๆ เลยค่ะ

นึกภาพลมหนาว อากาศเย็น นั่งจกหมูกะทะ จิ้มจุ่ม ก็ไม่เลวเนอะ สนนราคาเริ่มที่ 159 บาท ใครอยากมาให้ได้ฟิลล์ แนะนำหน้าหนาว รับรอง แจ่ม

Credit รูป จาก Facebook Flight of the Gibbon

หรือใครชอบ Adventure หมวยแนะนำให้ซึ้อ แพคเกจของ Fligth of the Gibbon คือ การโรยตัวด้วยสลิงจากฐานบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ไปอีกต้นหนึ่ง โดยมี 30 ฐาน ราคาคนไทย 3,000 บาทต่อคน ราคานี้รวม รถ รับ-ส่ง จากสนามบิน และอาหารกลางวัน 1 มื้อ

Credit รูป จาก Facebook Flight of the Gibbon

เสียดาย หมวยอยู่ที่แม่กำปองแล้ว เค้าไม่ลดราคาค่ารถให้ จะขอปีนแค่ 15 ฐานตามประสาคนแก่กำลังน้อย ก็ไม่มี 555 ดังนั้น หากใครวางแผนมาเที่ยวแม่กำปองอยู่แล้ว แนะนำให้ซื้อ แพคเกจ Gibbon แล้วมาค้างแม่กำปองคืนนึง เป็นโปรแกรมที่ดีงามเลยนะ

นอกเหนือจากนี้ที่ขึ้นชื่ออีกอย่างที่ไม่ควรพลาด คือ การย่างสมุนไพร ต้องโทรจองก่อนล่วงหน้า 1 วัน เพราะชาวบ้านต้องเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่า ซึ่งมีแต่คนบอกว่า ดีเยี่ยม เสียดายหมวยไม่ได้จอง เลยได้แค่นวดไทย พลาดอย่างแรง

ราคาย่างสมุนไพร คือการเบิร์นสมุนไพร พร้อมการนวดไทย เริ่มต้นที่ 300 บาทต่อชั่วโมงต่อคน หรือใครอยากจะอบสมุนไพรก็มีบริการให้เช่นเดียวกัน แต่อย่างที่บอก โทรจองหน่อยนะคะ จะได้มีสมุนไพรให้อบและซื้อกลับบ้าน

รีวิวแม่กำปองก็ขอจบเพียงเท่านี้นะคะ หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ ขอบคุณคนแรกที่มารีวิวให้แม่กำปองเป็นที่รู้จัก ทำให้เราได้มีโอกาสหลงรักแม่กำปองเหมือนคุณ

#Iamtraveller รู้แล้วนะว่าทำไม ใครใคร ก็รักแม่กำปอง

Exit mobile version