ว่าด้วยเรื่องประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า หลายคนคงมี รายชื่อประเทศเหล่านี้ไปแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นมีใครเขียนเจาะลึกสักคนว่า แต่ละประเทศมีอะไรน่าเที่ยว เพราะถึงแม้ไม่ต้องขอวีซ่า หากไม่มีอะไรน่าเที่ยวก็ไม่ควรเสียเงินไปใช่มะ
หมวยเลยอยากรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยว ประเทศทั้งหมดที่ไม่ต้องขอวีซ่า ไล่ทีละประเทศ
เริ่มต้นจากประเทศแรก “เวียดนาม”
มารู้จักประเทศเวียดนามกันสักหน่อย เวียดนามอยู่ที่ไหน เวียดนามอยู่ทางเหนือภาคอีสานของไทย ชายแดนของเวียดนามติดกับประเทศจีน ลาวและกัมพูชา ขนาดพื้นที่เท่ากับ 3 ใน 5 ของประเทศไทย
คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ เคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศส แต่ปัจจุบันยังปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมนะจ้ะ
ภูมิประเทศมีภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาปและทะเลครบถ้วน จึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และด้วยรูปประเทศเป็นลักษณะยาว จรดประเทศลาวลงมาถึงกัมพูชา ทำให้มีสภาพอากาศที่หลากหลาย
การเดินทาง บินตรงจากกรุงเทพฯก็สะดวก หรือว่าจะนั่งตุเลงจากอีสานข้ามประเทศลาวไปเวียดนามก็ทำได้ แต่น่าจะเมื่อยก้นน่าดู ส่วนตัวแนะนำว่าบินตรงดีกว่า เลือกเมืองที่ต้องการเที่ยว โฮจิมินห์หรือ ฮานอย ชั่วโมงนิดๆ เร็วกว่าขับรถกลับบ้านซะอีก
อากาศ เวียดนามตอนเหนือ อากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี เวียดนามใต้ก็จะร้อนชื้นคล้ายประเทศไทย ภาษา ชาวเวียดนามพูดภาษาเวียดนาม บางส่วนพูดภาษาฝรั่งเศสได้บ้าง (คล้ายกับประเทศลาว) เมืองท่องเที่ยวนี่พูดอังกฤษได้ไม่มีปัญหา เดินเข้า Travel Agent/โรงแรม เค้าช่วยเราได้
สกุลเงิน “ดอง” (1 บาท เท่ากับ 618 ดอง ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภา 59) บางร้านก็สะดวกรับเป็น US ดอลล่าห์ค่ะ
เมืองหลวง คือ “กรุงฮานอย” นะจ้ะ
เวลา ตรงกันกับเมืองไทย
เอาล่ะ พร้อมแล้ว ไปเที่ยวกันเต๊อะ มาถึงจุดสำคัญและ
สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรแค่แก่การเยือน ขอไฮไลท์เป็นเมืองๆ ไปนะคะ
- โฮจิมินท์ สายการบินส่วนใหญ่มาลงที่นี่ เรียกว่าน้องๆ สุวรรณภูมิเลยทีเดียว มีอะไรเที่ยวบ้างตามมาค่ะ
ตลาด บินถัน เป็นแหล่งเสื้อผ้าแบรนด์เนม และแหล่งผลิตโอนิซึกะไทเกอร์ ราคาโรงงาน หอบสตางค์ไปได้เลยค่ะ รับรองว่าได้เสื้อและรองเท้าที่ถูกใจกลับบ้านมาด้วยแน่ๆ
ไปรษณีย์กลาง เป็นอาคารสีชมพูผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด มากระโดดถ่ายรูปด้านหน้า สวยและสนุกมาก 55 อ้อ หมวยได้ไปทาน ก๋วยเตี๋ยวทะเลริมถนน ขอแนะนำเลยนะคะ เรานั่งก่อม(เก้าอี้เตี้ยๆ ตัวเล็กๆ) ถือก๋วยเตี๋ยวนั่งกินข้างถนนพร้อมๆ กับพนักงานออฟฟิศที่ขี่มอเตอร์ไซด์มาแวะทานด้วย เครื่องสะบึมมาก และมีกะปิให้คลุกเคล้า รสชาติอร่อยแปลกดี ต้องลองนะได้บรรยากาศเมืองโฮจิมินห์มากๆ
- เมืองมุยเน่ เป็นเมืองที่ติดทะเล เราสามารถนั่งรถบัส (เหมือนบขส.) แถว ฟามงูเหลา เพื่อซื้อตั๋วและเดินทางไปเมืองนี้ได้ค่ะ เมืองนี้มีอะไร
Red Sand Dune ทะเลทรายสีแดง มันคือทะเลทรายจริงๆ ค่ะ เหมือนคนเอาทรายปริมาณมหึมา มากองรวมกัน หมวยเลือกซื้อ Private Tour ตกราคาคนละ 8-12 เหรียญ (ดอลล่าห์) จ่ายที่โรงแรม
มีรถจิ๊บมารับตอนตี 4 แล้วขับลุยไปเที่ยวทะเลทรายกันค่ะ โดยจะเที่ยวที่สำคัญ 3-4 ที่ หมวยลดเหลือแค่ 2 ที่ เพื่อที่จะได้เก็บภาพทะเลทรายอย่างเต็มที่ แนะนำให้ไปให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนะคะ เพราะเพื่อนๆ จะได้เห็นทะเลทรายเป็นคลื่นสีทองอร่าม และอากาศก็ไม่ร้อนอย่างที่คิดด้วยค่ะ
หมู่บ้านชาวประมง ต้องมาให้ทันช่วงเรือประมงกำลังกลับมาจากหาปลาเพื่อขึ้นฝั่งในตอนเช้า เราก็ได้ภาพวิถีชีวิตอีกอย่าง ร้านอาหารทะเล แน่นอนติดทะเลก็ต้องมาชิมอาหารทะเลอ่ะนะคะ ราคาปูทะเลสด บางอย่างถูกกว่าเมืองไทยอีก ที่สนุกคือ เราแวะร้านเล็กๆ อุสาหกรรมในครัวเรือน
- เมืองดาลัด อยู่ห่างจากโฮจิมินห์ นั่งรถทัวร์ประมาณ 5 ชั่วโมง เป็นเมืองที่สะท้อนความเป็นฝรั่งเศสมากที่สุดและ เพราะนอกจากบ้านเรือนจะรูปร่างเหมือนกล่องนมแล้ว ยังมีเสาสัญญาณทำประหนึ่งเป็นหอไอเฟลของฝรั่งเศสอีกด้วย
นอกจากบ้านเมืองจะเหมือนได้ไปเที่ยวฝั่งยุโรปแล้ว อาหารการกินที่ดีก็อุดมสมบูรณ์มากมาย เรียกว่าดูดหอยกันจนปากเจ่อ เพราะมีให้เลือกหลายหลาก ชี้เป้าไม่ถูกเลย ที่สำคัญเมืองนี้อากาศเย็นทั้งปี ไม่รักได้ไง ค่าครองชีพไม่แรง เป็นอีกเมืองที่อยากไปเยือนอีกสักครั้งในชีวิต
- เมืองฮานอย เมืองหลวงเก่าแก่ของเมืองฮานอย ทำให้มีอารยธรรม สถาปัตย์และแหล่งวัฒนธรรมเพียบ ที่เที่ยวไม่ควรพลาดคือ
สุสานโฮจิมินห์ แหม มาถึงอดีตเมืองหลวง ต้องมาแวะสักการะสักหน่อย จะได้ทราบประวัติศาสตร์ของประเทศ รวมถึงไปดูหลุมหลบภัยที่ช่วงยุคสงครามเค้าใช้กันจริงๆ น่าสนุกเนอะ โชว์หุ่นกระบอก วัฒนธรรมก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนเมืองนั้น การระบำหุ่นกระบอกความแปลกคือ เป็นการเชิดหุ่นกระบอกในน้ำค่ะ ค่าเข้าชมประมาณ 10,000 ดอง
Credit ภาพ จากเวปไซด์ vntoyou
วัดหง็อกเซิน หรือวัดเนินหยก อยู่ริมทะเลสาปของเกาะหยก ซึ่งข้ามได้โดยสะพานเทฮุก (สะพานแสงอาทิตย์)สีแดงแจ่ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮานอยแห่งนี้
อ่าวฮาลอง ล่องเรือชมทัศนีย์ภาพของอ่าวฮาลอง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฮานอยไป 170 กิโลเมตร ชื่อแปลว่า อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง เราสามารถล่องเรือชมเกาะน้อยใหญ่มากมาย ซึ่งเกาะเหล่านี้มีสัตว์ป่า พวก ไก่ป่า ละมั่ง และกิ้งก่าอยู่หลายชนิด หากจะมีเที่ยวที่นี่ควรวางแผนค้างในเรือสักคืน จะได้ชมวิวแบบเต็มอิ่ม
แหล่งที่มาของรูป : http://static.th.groupon-content.net/97/10/1385019801097.jpg
- เมืองซาปา เป้าหมายการท่องเที่ยวของปีนี้ ที่นี่โดดเด่นเรื่อง เฝอ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ยอดนิยมคือ การชมวิวนาขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตา โดยสามารถซื้อทัวร์เป็นแบบ เบาๆ One Day Trip ใช้เวลา Treking ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือจะเลือกค้าง เพื่อจะได้ฟินเดินชมสถานทีท่องเที่ยวให้ทั่ว ก็สามารถจัดได้
credit ภาพจาก Travel mthai
เมืองซาปา และฮานอย จะมีรีวิวให้อีกครั้งหลังจากไปด้วยตัวเอง หวังว่าจะถ่ายรูปได้งามสักครึ่งนึงของที่เห็นจากเน็ตก็พอ
ข้อมูลแค่เบาะๆ เท่านี้ก่อน
รอบหน้าเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเมืองไหน โปรดติดตามจ้า
#Iamtraveller #รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า
ปอลิง ขอขอบคุณรูปภาพจากพี่khayom ของเค้าดีเจรงๆ