เที่ยว ดอยตุง ฉบับเร่งด่วน

หลังจากอิ่มบุญกับการดื่มด่ำรสพระธรรมและ Unseen พระขี่ม้าแห่งดอยแม่สลองแล้ว เราไปต่ออีกดอย ดอยท้ายสุดของทริปนี้กันเลยค่ะ นั่นคือ

“ดอยตุง”

Chiangrai (1911)

เพราะเลือกเที่ยวบินเป็นตอนเย็น เลยคิดว่า น่าจะมีเวลาเที่ยวอีกสักที่ก่อนที่จะเข้าเมืองไป check in และคืนรถเช่า ออกเดินทางจากวัด ไปดอยตุงใช้เวลาเพียง 40 นาที 19 กิโลเมตร ทางขึ้นเขาไม่คดเคี้ยวเท่าดอยแม่สลอง ถือว่าขับง่ายค่ะ

image

เพียงแต่ ที่ดอยตุงวันนี้มีงาน “เทศกาลสีสันแห่งดอยตุง” อากาศเย็นสบายฝุดๆ ได้ใช้ผ้าพันคอแว้ว และคนค่อนข้างเยอะ การบริหารจัดการดีมากคือ ให้จอดรถตรงทางขึ้นดอย แล้วจะมีรถบริการรับส่งด้านบนจากด้านล่าง โดยมีคูปองให้เราเพื่อจะได้จำจุดขึ้นรถได้ เวลาขากลับจะได้เดินขึ้นรถถูกคันค่ะ

Chiangrai (1903)

ด้านบน ตื่นตาตื่นใจมาก มีตลาดนัด ขายอาหาร ของฝาก ผลไม้เมืองหนาวเพียบ ด้านซ้ายเป็นซุ้มของฝากและอาหาร เรียกว่ากาดดอยตุง ท้องร้องแล้วข้าวต้มย่อยหมดอย่างรวดเร็ว ขอแวะซดข้าวซอยก่อนเดินเที่ยวต่อ

Chiangrai (1967) Chiangrai (386) Chiangrai (385)

อาหารรสชาติพอทานได้ รสชาติไม่เข้มข้นเท่าไหร่ เดาว่าเพราะคนกะเหรี่ยงทำอาจจะไม่เด็ดดวงเท่าคนไทยทำอ่ะเนอะ

Chiangrai (1866) Chiangrai (1868) Chiangrai (1874) Chiangrai (1873)

ไป เที่ยวกันต่อ ก่อนเข้าไปเที่ยวชม จะต้องซื้อบัตรก่อน โดยมีให้เลือก 3 โซน ราคาค่าเข้าชมคิดตามสถานที่ที่เราต้องการเที่ยวค่ะ แบ่งเป็น

Chiangrai (1878) Chiangrai (1877) Chiangrai (1879)

  • สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ราคา 90 บาท
  • อาคารพระตำหนักดอยตุง ราคา 90 บาท
  • หอพระราชประวัติ (ไม่ได้เข้า น่าจะ 90 เท่ากันมั้ง)

คือ หมวยมีเวลาเที่ยวแค่ชั่วโมงเดียว (ไม่คิดว่ามันจะกว้างขนาดเน้) เลือกเที่ยวได้แค่ 2 จุด ก็แทบวิ่งแล้วค่ะ ดังนั้นใครมาแนะนำว่า 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ชิลล์ ไม่ต้องรีบเหมือนเก๊า

Chiangrai (1882) Chiangrai (1891)

ส่วนแรก จัดเลย สวนแม่ฟ้าหลวง มีการจัดแสดงแบ่งเป็นหลายโซนเลย โซนแรกเราเดินลงบันไดไป สังเกตุบนต้นไม้จะมีหนอนผีเสื้อและตุ๊กแกตัวยักษ์สีสดใสเกาะอยู่

ส่วนของสวนนำรถเข็นเข้าได้นะคะ น้องหมาก็สามารถมีรูปยืนยัน

Chiangrai (388) Chiangrai (1890)

Chiangrai (428)

Chiangrai (1888)

เดินเรื่อยไปเป็นส่วนของ บ่อเลี้ยงหงษ์ค่ะ โซนนี้จัดน่ารักมาก เป็นสะพานไม้ไผ่ จัดไม้ดอกไม้ประดับ น้ำตก จำลองบ้านชนบท ส่วนนี้ถ่ายรูปนานเลย ชอบมาก

Chiangrai (1941) Chiangrai (1937) Chiangrai (1909) Chiangrai (1924)

ถัดไป จะเป็นสวนกระถาง จัดไม้ดอกบนรถเข็น รถพ่วงจำลองเป็นจักรยานยนต์ไม้ น่ารักเชียว มีชิงช้าชาวดอยด้วยนะคะ อันนี้ดูแข็งแรงกว่าของจริงที่เราเจอที่แม่สลองในเยอะ

Chiangrai (1932) Chiangrai (1930) Chiangrai (1956) Chiangrai (1952) Chiangrai (1950) Chiangrai (1945)

นึกว่าจะหมด โซนนี้กว้างเลยค่ะ เป็นโซนไม้ดอกเป็นเนินเขา 1 ลูกใหญ่เดินกระหืดกระหอบเพราะเหลืออีกครึ่งชั่วโมง เง้อ ชม ดม มอง ครบแล้วไปต่อ

Chiangrai (1960) Chiangrai (1974) Chiangrai (1977) Chiangrai (1969) Chiangrai (1964)

Chiangrai (1994) Chiangrai (1998) Chiangrai (2002) Chiangrai (427)

เดินย้อนขึ้นไปจะเจอร้านกาแฟดอยตุงด้านซ้าย ด้านขวาเป็นวงเวียน เราเลี้ยวขวาเพื่อไปส่วน อาคารพระตำหนักดอยตุง 

Chiangrai (2006)

ส่วนนี้ต้องแต่งตัวเรียบร้อย กระโปรง กางเกงต้องเลยหัวเข่า เสื้อต้องมีแขน หมวยโดนสองเด้ง คือใส่ชุดชาวเขาที่ซื้อจากถนนคนเดินนั่นแหละ

Chiangrai (430)

แต่อ้วนอ่ะ กระโปรงเลยเหนือเข่ามานิดนุง แขนเสื้อมี แต่พี่เค้าว่า ด้านหลังมันเว้ามากไป ไม่ต้องห่วง เค้ามีเสื้อม่อฮ่อม และ กระโปรง ให้ใส่ ทีนี้มาเต็ม นี่มันศิษฐอาจารย์เฉลิมชัยกันเลยทีเดียว

Chiangrai (431)

การเข้าชม “พระตำหนักดอยตุง” มีเป็นรอบ แต่ละรอบประมาณ 30 นาที ซึ่งมีหูฟังอธิบายรายละเอียดแต่ละห้อง

Chiangrai (434)

โดยแต่ละห้องบอกรายละเอียดพระจริยวัตรอันงดงามของสมเด็จย่า และพระพี่นาง ซึ่งดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย และพระองค์ทรงงานตลอดเวลา ถึงแม้ตอนที่ย้ายมาพำนักที่ดอยตุง จะพระชนมมายุถึง 90 พรรษาแล้วก็ตาม

Chiangrai (417)

โดยพระองค์ได้ช่วยกันพัฒนาดอยตุง ตรงระเบียงมีกล้องส่องทางไกล เห็นทิวเขาซึ่งสมัยก่อนเป็นเขาหัวล้าน ท่านทรงพัฒนาโครงการ จนคืบหน้าและสร้างอาชีพให้ชาวเขาจวบจนทุกวันนี้ ทรงพระเจริญ

Chiangrai (436)

image

เสียดายจังที่มีเวลาจำกัด ต้องบึ่งรถไปสนามบินแล้ว ใช้เวลาชั่วโมงนึง เร็วกว่าขับรถจากออฟฟิศ กลับบ้านอีก ไว้โอกาสหน้ามาเที่ยวอีกน๊า

เชียงรายเมืองน่าเที่ยว คอนเฟริ์ม

#Iamtraveller

>
Facebook