ตามล่าทะเลหมอก เที่ยวเขาค้อ ภูทับเบิก วันที่ 1

เคยบ้างไหมคะ หมอกลอยละล่องมายั่วยวนทุกวัน ทุกวัน จนทนไม่ไหว เพราะมันเป็นรูปและทริปของคนอื่น มันเศร้า และ อิจฉาตรงเนี้ยยย

ในที่สุด ก็อดรนทนไม่ได้ เฮ้ย…มันเกินไปแล้วนะ ไปมันให้เห็นกับตากันเลยดีกว่า และแล้ววันลา 2 วันสุดท้าย ของปีนี้ ก็ถูกใช้ไปอย่างง่ายดาย

ทริปตามล่าทะเลหมอก เขาค้อ ภูทับเบิกจึงเริ่มขึ้น

อุปสรรคนั้นเริ่มจากการจองห้องพัก โอ้ว มีแต่แพงมว๊ากกกก เลยได้ของแพงสมใจเพราะหมอกก็ยังคงมีคนส่งมาทิ่มตาอยู่ทุกวัน อร๊ายยย… หน้ามืดตามัว ลุ่มหลงยิ่งกว่าซดรากราคา

อะไรว่างเอาหมดเลย สรุปได้ที่พักเขาค้อ มา 1 คืนและภูทับเบิกอีก 1 คืน ซึ่งที่ภูทับเบิกนอนเต้นท์จ้า (ใครๆ จองตัดหน้าเก๊า) มันยากมากขนาดว่า โทรไป 10 ที่ เต็มหมดทุกที่เลยทีเดียวนะ อะไรจะฮิตปานนั้น ของเค้าต้องดีแน่ๆ โอ้ยตื่นเต้นแท้

เอาเป็นว่า ตอนพักเที่ยงวันทำงาน เข้าดูแต่ข้อมูลภูทับเบิก เสพรูปมันเข้าไปและวาดฝันว่าจะถ่ายได้อย่างคนอื่นเค้าบ้าง 555

จุดไหนที่คุณชานมแห่งพันทิพย์ บอก จดไว้หมด มันต้องได้แน่ๆ

การเดินทางไปเพชรบูรณ์ วันที่ 8-11 ตค 58 ถนนหนทาง ขับง่ายมาก ถนนค่อนข้างดี ถึงแม้ช่วงนี้ขากลับจะมีซ่อมถนนเล็กน้อย หมวยคิดว่าขับง่ายกว่าระยองและโคราชเพราะรถใหญ่พลุกพล่านน้อยกว่า

จากกรุงเทพตรงดิ่ง รวดเดียว 4 ชั่วโมง มุ่งมั่นมากที่แรกที่ไม่แวะไม่ได้เลย เมื่อมาถึงอ.วิเชียรบุรี คือ ร้านไก่ย่างบัวตองค่ะ ตอนนี้เค้าใช้ชื่อ นิวไก่ย่างบัวตองแล้วนะ

เพราะอะไรหน่ะหรือ ก็ความอลังการของห้องน้ำ ทำได้หรูหรา น่าเข้ามาก แต่ท้องมันร้อง มาโฟกัสเรื่องกินกันก่อนเลยดีกว่า เมนูเด็ดที่นี่ แน่นอน ไก่ย่างเนื้อแน่น นุ่มรสชาติถึงเครื่องดีค่ะ ทานคู่กับน้ำจิ้มผสมข้าวคั่ว ความอร่อยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ยังไม่พอ ชอบแพคเกจข้าวเหนียวสองสีห่อใบตองมากเลย เมื่อเอาไปนึ่งทำให้ร้อนแล้วเนื้อข้าวเหนียวยังชุ่มน่ากินอยู่

ต้มแซ่บ คอหมูย่าง ส้มตำ ยอมรับเลยว่าอร่อยทุกอย่างนะคะ คือไม่รู้เพราะตะกละหรือเปล่า 555 แหมมันเด็ดจริงๆนะ ไม่ได้อวย

แวะเข้าไปสูดดมห้องน้ำอีกรอบ -_-” ออกแนวโรคจิต อุดหนุนสบู่น้ำนมข้าวเค้าสักหน่อย หอมจริง ดูท่าฉันจะเว่อร์มาก ยังไม่ทันเจอหมอกเลย

หมวยเคยมาเที่ยวเพชรบูรณ์รอบที่สามแล้ว ห่างจากรอบแรก สิบปีเอ๊งง ตอนนั้นยังผอมมากอยู่เลย ตอนนี้ความหนาวรึ ไม่น่าจะทำอะไรได้อีกแล้ว เพราะไขมันมาเต็ม

ถึงแม้จะเข้าเดือนตุลา แล้ว แต่ฝนยังคงตกเป็นช่วงๆ แอบหวังเล็กๆ ว่า ทะเลหมอกต้องมากมายแน่ ดูรูปเปิดเช้า กลางวัน เย็นจะจินตนาการว่าเราแทนเจ้าของภาพ 555  หึๆ  ฝันหวานมาก

ก่อนจะขึ้นภูทับเบิก เราแวะเที่ยวเขาค้อ แนะนำ สองที่ค่ะ

อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ และพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก จริงๆ มี พระตำหนักเขาค้อ พิพิธภัณฑ์เขาค้อและฐานอิทธิ แต่เกรงว่าเวลาจะไม่พอเลยเลือกชมแค่ 2 ที่นี้ค่ะ

โดยใช้ถนนหลวง สาย 21 และเลี้ยวซ้ายตรงบ้านนางั่ววิ่งถนน 2196 ทางค่อนข้างคดเคี้ยว สภาพถนนโอเค ไม่อันตราย เราจะมาถึง อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อกันก่อน

อนุสรณ์หินอ่อน รูปสามเหลี่ยมโดดเด่นมาแต่ไกล ที่เป็นสามเหลี่ยมเพราะเป็นตัวแทนของความร่วมมือกันระหว่าง ทหาร ตำรวจและประชาชน พื้นที่แถวนี้สมัยก่อนเป็นคอมมิวนิสต์ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ในปี 2527 ในหลวงทรงเป็นองค์ประธาน และทรงพระราชดำรัสว่า “ยามใดที่คนไทยขัดแย้งกัน จะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้าหาญ 1,171 ชีวิต ที่จารึกไว้กับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”

“เราคนไทย ใจสามัคคี รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” มีแต่เสียงนี้ในหัว รู้สึกเหมือนมีใครเปิดเพลงปลุกใจ ให้รักชาติยังไงก็ไม่รู้ อินเกิ๊น…ด้านในเป็นฐานกรุงเทพที่มีตัวอย่าง บังเกอร์ในจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถมองเห็นเมืองเพชรบูรณ์ได้ทั่ว ด้านหลังเป็นภูเขา ท้องฟ้าสีเข้ม สวยงามมาก เป็นจุดที่สนุกกับการถ่ายรูปนานเชียว

จุดที่สอง พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ในหลวงทรงพระราชทาน ให้ประดิษฐานที่ เขาค้อ เพื่อความสุขสงบร่มเย็นของประชาชน โดยถูกสร้างขึ้นในวโรกาสปีกาญจนาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ….โอ้ย ขนลุกไปหมด

ความพิเศษของพระธาตุ คือการไหว้ด้วยเทียน จะตั้งอยู่ในจานสังกะสี และวางเรียงเพื่อสักการะพระธาตุพร้อมบทสวดค่ะ เดินเข้ามาด้านในจะมีพระประจำวันเกิดพร้อมบทสวด และจำนวนบทที่ควรสวด เพื่อเป็นสิริมงคลชีวิต

นอกจากนั้นยังมีห้องแห่งความลับ ให้เราอยากรู้ โดยกฏคือ ห้ามถ่ายรูปและห้ามบอกว่าด้านในมีอะไร ดังนั้น ต้องมาเองถึงจะรู้ แหม…เป็นกุศโลบายที่แยบยลมาก คือ ไม่เปิดไม่ได้ล่ะ มันคัน มันสงสัย และมันอยากบอกมว๊าก 555

ถัดมาเห็น ไปรษณีย์เขาค้อ ที่รีวิวว่าคนจะมานอนกางเต้นท์ที่นี่ วิวต้องงามแน่ๆ แล้วเราก็ไม่ผิดหวังค่ะ วิวแจ่มๆ ตัดกับตู้ไปรษณีย์สีแดงมาก มีเต้นท์กางไม่มาก ห้องน้ำดูปลอดภัยแต่อาจจะไม่สะอาด ซาบซ่านัก เพราะฝนตกพื้นเลยค่อนข้างแฉะๆ สักหน่อย

เดินเยอะเริ่มหิวอีกแล้ว นี่ฉันกระเพาะครากหรือเปล่าเนี่ย หาข้อมูลแล้ว เราตรงไปดื่ม กาแฟที่เจ้มจ้นและอร่อยที่สุดในเขาค้อ ที่ Story Cup Khaokor ตัวร้านตั้งอยู่ริมถนนทางหลวง 12 อาคารสองชั้น 4 ขาว เป็นร้านกาแฟของคนชอบแมว เพราะอะไรหน่ะเหรอ รูปวาดเป็นแมว ป้ายทุกสิ่งเป็นรูปแมว แม้กระทั่งป้ายเข้าห้องน้ำ ยังเป็นรูปแมวเลย

ที่เด็ดเห็นจะเป็น กาแฟดริป มีทั้งแบบร้อนและเย็น วันนึงมีเสริฟเพียง 6 แก้วเท่านั้น ดังนั้น ช้าอดหมดจ้า ไม่เป็นไร กาแฟชงหอมๆ จากเครื่องก็เข้มข้นและอร่อยจริงสมคำร่ำลือ แหมทานกาแฟอย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องคู่กับเค้กนุ่มๆ อย่างช็อคโกแลตคาราเมล หอมนุ่มหวานกำลังดี

พอดีกับที่ถึงร้าน ฝนก็กระหน่ำลงมา ทำให้เราได้โอกาสนั่งชิลล์และเก็บภาพภายในร้าน ซึ่งมีมุมระเบียงด้านนอก ที่ตกแต่งไว้ซะน่ารัก น่านั่ง ไปทุกจุด ในร้านยังแบ่งโซนขายของ DIY เก๋ ๆ หมวยสอย magnet เพ้นท์น้องหมาน่ารักมาอันนึงด้วย

ด้านบนเป็นจุดชมวิว จัดมุมให้ถ่ายรูป เราก็ต้องจัดไปเนอะ หมวยชอบบรรยากาศของร้าน และรสชาติกาแฟมาก เจ้าของใส่ใจรายละเอียดและมาดูแลเอง ทำให้บรรยากาศในร้านค้าเป็นกันเอง

ได้เวลาย้ายร่างไปภูทับเบิกแล้ว ก่อนที่ฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ จากเขาค้อไปภูทับเบิกใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ทางเลี้ยวพอสมควร มวลท้องเล็กน้อยด้วยความที่สวาปามไปค่อนข้างมาก รวมถึงฝนก็ตกหนักสลับกระปริบกระปอยไปตลอดทาง

ด้านบนภูทับเบิกอากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี ด้วยเป็นที่สูงถึง 1,768 เมตร เรียกว่าเป็นจุดสูงสุดของจ.เพชรบูรณ์ เลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เป็นที่นิยมขนาดนี้ แต่ด้วยความสวยงามที่หลายคนส่งภาพทะเลหมอกมาทิ่มตาอย่างต่อเนื่อง จึงได้รับความนิยมอย่างมากมายในปีนี้

หมวยแทบจะหาที่พักไม่ได้ มาจบที่นอนเต้นท์ก็ได้ ด้วยความที่อยากจะได้วิวหมอกทิ่มตาแบบชาวบ้านเขาบ้าง ยอมลำบาก สุดท้ายไปที่พัก ภูนับดาว ราคานอนเต้นท์ 2 คน 800 บาท ซึ่งแพงกว่าอุทยานแห่งชาติทั่วไปถึงเท่าตัว

เราขับรถเลยลึกผ่านแหล่งชุมชนและจุดชมวิว เริ่ม เอ๊ะ ที่พักเราอยู่ไหนเนี่ย แล้วเราก็เจอป้ายบอกทางเล็กๆ ว่าให้เข้าซอย ลงไป ขับรถไปได้แค่ 100 เมตร ต้องตะโกน ให้ผู้ชายหยุดรถ เพราะข้างหน้ามันคือหล่มโคลนเละๆ ดูแววแล้วไม่รอดแน่  แถมเบื้องหน้าถัดจากหล่มโคลน ยังเป็นทางชัน 80 องศาถึงจะขึ้นไปที่พักได้

เอิ่ม แล้วรถขับเคลื่อนสองล้ออย่างเราจะรอดเหรอเนี่ย ถอยสิครัช จอดหน้าปากซอยแล้วเดินเท้ากันสิฮะ กำลังขนของและทำใจว่า จะเจออะไรข้างหน้าอีกไหม ทันใดนั้นพี่ชาวบ้าน พร้อมเด็กน้อยสองคนก็มาบอกว่า เข้ามาเลยเอาหินใหญ่วางให้แล้ว เอ่อ พี่คะ ผ่านจุดนี้ไปได้ แต่ทางลาดข้างบนไม่รอดเหอะ

ทางเลือกใหม่ เจ้าของที่พัก เอารถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อมารับ เจอผู้ชายของเรามองหน้า 1 ที่  แบบว่าจะด่าใช่มะ ขอรวบรวมทีเดียวเลยนะคร๊าาาา 555

เราเป็นคนแรกที่นอนเต้นท์ แบบว่า เต้นท์ออกจะประหยัดพื้นที่ในการกางเล็กน้อย ทางเข้าเต้นท์ต้องเบี่ยงตัวตรงทางลาดพร้อมเขย่งปลายเท้าไม่ให้เลอะโคลนเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น อันนี้คิดเอง

เลยขอนำเสนอผ้าปูรองกันเลอะหน้าเต้นท์ มันจะทำให้เต้นท์ไฮโซขึ้นฮ้าาาา คือแบกมาได้แค่นี้ ที่เหลือเอาของที่พัก มีให้พร้อมทั้งฟูก ผ้าห่มและหมอน ดมแล้วกลิ่นละมุนอยู่นะ แน่นอนเราออกไปชิลล์ ด้วยการเดินเท้าไปหาข้าวกินจะแลดู เหมือนเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารีกันเกินไป

ดังนั้นเราจึงสั่ง หมูกะทะ delivery จ้า Thailand Only มานอนภูแล้วมีหมูกะทะเนี่ย มันเข้ากั๊น เขากัน กับบรรยากาศ ณ เวลานี้ ฝนพรำเล็กๆ พอเป็นละออง ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น และควันของหมูกะทะอบอวล ซดน้ำร้อนๆ อย่างคล่องคลอ หน้าตาผู้ชายไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่ นางบอกว่า ความรู้เหมือนนางเป็นคนงานก่อสร้าง ส่วนเรารึ กิ๊ก๊ะ ร่าเริงสุดขีด

ทานข้าวเสร็จมันก็เป็นเวลาวัดใจ ของเหล่าผู้กล้า ที่จะพิชิต “ภูทับเบิก” นั่นก็คือ การอาบน้ำเย็น อากาศ 12 องศา ลมโกรก น้ำเย็นเจี๊ยบ ขั้นช่องฟรีซยังอาย มันเป็นสิ่งที่เราต้องพิชิตให้ได้ หากจะมาเยือนภูต่างๆแล้ว

สาดน้ำเข้าไปโครมแรก อยากจะร้องตะโกนว่า

“ย้ากส์ ….พิชิตภูทับเบิกแล้วโว้ยยย”

#I am traveller

อย่าลืมติดตามภาคต่อวันที่ 2 กับทริปตามล่าทะเลหมอกเขาค้อ ภูทับเบิกนะจ้ะ