เที่ยวอินเดีย เชนไน ตอนที่ 4 สนุก งาม เลอค่า Tiruttani

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ฟินจากชุดประจำชาติที่เราดั้นด้นต่อรองมาได้ อย่ากระนั้นเลย วันนี้ใส่เลยก็แล้วกัน 555 อย่างที่บอกหลงมาเมืองนี้ ศึกษามาแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวมีเพียงแห่งเดียวคือ Hill Temple เอาสะดวก ถามโรงแรมและว่าจ้าง Taxi สนนราคา 700 รูปี จาก 1,200 รูปี

ห้องอาหารของโรงแรมที่นี่ แบ่งเป็น มังสวิรัติ และ ทานเนื้อเป็นปกติ อย่างเรา ห้องเราเงียบเหงามาก เพราะคนอื่น ทานมังสวิรัติกันหมด!!! โอ้ว ประหลาดเลยทีนี้ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี

นัดรถไว้ 9 โมง คาดว่าจะใช้เวลา ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ให้รถไปส่งท่ารถเพื่อไปเมือง Mahabalipuram กันต่อ

รถ Taxi ที่มารับเป็นรถเก๋ง ผิดคาด นึกว่าจะเป็นพี่ตุ๊กๆ อย่างเคย แหม 700 รูปีนี่หรูหราใช้ได้เลยวุ้ย เราร่ำลาพนักงานพร้อมถ่ายรูปและขออีเมล์เพื่อส่งรูปแทนคำขอบคุณ เธอยิ้มใหญ่เลย และย้ำเราว่า ที่ Hill Temple จะมีคนคอยบริการพวกเราด้วยนะ

ใช้เวลาไม่นาน เราก็มาถึง Hill Temple คนเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่แล้วเป็นคู่บ่าวสาว วัดนี้ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์มาก มีเทพเจ้าอยู่ 3 องค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่ดี อย่าถามชื่อเลยนะ ออกมาแล้วจำไม่ได้เลยอ่า นี่ขนาดท่องมาเลยนะเนี่ย YwY

ด้านนอกเราสามารถถ่ายรูปได้ แต่ด้านในไม่สามารถเลย เราเดินเข้าไปด้านใน โดยคนขับรถรอด้านนอก สักพัก มีพราหมณ์ มาสอบถามและเรียกเราเข้าไป …. สรุปคือ คนที่จะมาเป็นไกด์ให้เราวันนี้ คือ พราหมณ์ … เฮ้ย!! เจ๋งอ่ะ พราหมณ์ท่านนี้พาเราเดินลัดเลาะไปตามห้องต่างๆ ที่มีรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ พร้อมประกอบพิธีกรรม สวดอวยพรให้เราในแต่ละห้องด้วย ที่สำคัญคือ Fast Track เราได้รับอภิสิทธิ์พิเศษไม่ต้องต่อคิวแต่อย่างใด คนอื่นมองตากันปริบๆ

พราหมณ์พาเราเดินเข้าห้องโน้นออกห้องนี้อย่างคล่องแคล่ว ถ้าให้เดินเองมีหวังหลงแน่ๆ ที่ชอบมากที่สุด เห็นจะเป็นรูปปั้นอันสุดท้าย ที่แท่นประดิษฐานและกรอบ เสา รอบนอกทั้งหมด ทำจากอขิตโร พูดแล้วขนลุก คือ ลูกปัดที่เป็นหน้ามนุษย์ เชื่อกันว่าหากมีการสวดบำเพ็ญตละบารมีแก่กล้าพอ ลูกปัดจะสามารถสวดบริกรรมคาถา เพื่อเพิ่มพลังมากขึ้นได้

เคยอ่านหนังสือว่าลูกปัดที่เก่าแก่ขายกันเม็ดและเป็นล้าน แต่ที่เห็นนี่คือ ลูกปัดเป็นหมื่นลูกและเป็นของแท้ตั้งแต่สมัยก่อนทั้งนั้น เป็นความโชคดีที่สุดที่ได้หลงมาเที่ยวเมืองนี้

ก่อนออกจากวัด พี่พราหมณ์กระซิบบอกเราว่า “ฉันจะพาพวกเธอขึ้นไปดูด้านบน ซึ่งปกติไม่เปิดให้คนทั่วไปขึ้น และให้ถ่ายรูปได้จนกว่าจะพอใจ” ว่าแล้วก็ไปเอากุญแจมาไขประตูให้พวกเราสามคน ขึ้นไป

มัน Premium ,VIP ที่สุดของที่สุด 350 บาท มันเมพขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ว่าแล้วก็ไม่รอช้า จัดไปสิคะ คนไทยกลุ่มแรกหรือเปล่าเนี่ยที่ได้ขึ้นมาบนนี้ มือสั่นเลยนะตอนหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย มาดื่มด่ำกับรูปกัน

 

เสียดายตรงที่ด้านบน จะมีป้ายเหล็กที่เป็นชื่อวัดภาษาฮินดู ทำให้เบี่ยงหลบถ่ายได้บางมุม

พี่พราหมณ์ที่พาเรามา กลุ่มเราน่าจะมากับดวง พร้อมชุดนำโชคของเจ๊ที่ได้มาพร้อมแขนเสื้อเป็นแน่แท้ ถึงได้ฟินและฟลุ๊คกันขนาดนี้ พอลงมาพราหมณ์รับโทรศัพท์และส่งให้เรา  เสียงในสายคือเจ้าหน้าที่ Reception ของโรมแรม บอกเราว่า “ฉันบอกให้ไกด์พาเธอขึ้นด้านบน เค้าได้พาพวกเธอขึ้นไปหรือเปล่า” อ๋อ… สรุปเป็นนางฟ้าที่โรงแรมนี่เอง  โอ้ย … น่ารักมากมาย อุตส่าห์โทรมาเช็คให้อีก

หมวยพูดขอบคุณหลายรอบมากและส่งโทรศัพท์คืนให้พี่พราหมณ์ ก่อนกลับจะขอแลกอีเมลเหมือนจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่พี่พราหมณ์บอกว่า ไม่มีอ่ะจ้า ช่วยอัดรูปที่่ถ่ายคู่ส่งมาให้ด้วยนะ ว่าแล้วก็ควักนามบัตรส่งให้เรา ….  อ๊ะๆ พราหมณ์มีนามบัตรด้วยนะจะบอกให้

เราเดินไปรอบตัววัดเพื่อเก็บภาพก่อนกลับ ด้านนอกมีพิธีกรรมคือ การเอามะพร้าวมาบูชา ด้วยการเหวี่ยงลงพื้นให้แตก จากนั้นแกะเนื้อออกมา ไปโรยที่แท่น

แดดเริ่มแรงมากแล้ว แต่ยังคงสนุกับการเก็บภาพผู้คนอยู่เลย

ทริปนี้ความชอบส่วนตัว คือ ชุดที่คนอินเดียเลือกใช้ โดยเฉพาะการจับคู่สีของเสื้อผ้า ได้ลงตัว ทุกคนเลือกสีได้เก่งมาก ใส่แล้วดูดี สวยงาม มองเพลินทีเดียว

เห็นบันไดลงไปด้านล่าง เลยเดินไปดูสักหน่อย อ้อ เป็นทางเดินขึ้นมาที่วัดสำหรับผู้มีจิตศรัทธา ไกลใช่เล่นนะ เห็นผู้คนทั้งชายหญิงที่มีความศรัทธา ถือสีมีสีส้มและสีแดงคอยป้ายที่ตัวบันได อีกคนเอาเชื้อเพลิงเป็นก้อนแข็งสีขาว และจุดไฟตลอดทางเดินของบันได สวยงามแปลกตา

ตามทางขึ้นบันไดจะมีชนชั้นจัณฑาล นั่งรอขอเศษสตางค์จากผู้ใจบุญให้ทานแบ่งปันบ้าง

ด้านนอกมีน้องลิงเป็นฝูงกระจายอยู่ทั่วบริเวณวัด แต่ไม่ได้ก้าวร้าวขนาดมาแย่งของที่นำมาถวาย หรือขโมยของ เค้าจะเกาะตามขอบรั้วและมองเราอยู่ห่างๆ

มีแม่ค้าขายนมเย็น ให้เห็นเป็นระยะ อยากจะลองเหมือนกันนะ แต่ป๊อด เพราะต้องเดินทางด้วยรถบัส เกรงว่าจะมีปัญหา แล้วจะหาที่ปลดปล่อยยาก

เรามาถึงท่ารถ อย่างมีความสุข ท่ารถยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม ของดูจะขายมากขึ้นด้วยซ้ำ

ถึงท่ารถประมาณเกือบเที่ยง ท้องยังอิ่มอยู่ไม่ได้เรียกร้องอะไร เร่งเดินไปถาม ว่ารถเมล์สายไหนไป Mahabalipuram บ้าง ได้คำตอบกลับมาทำให้ Shock ไปชั่วขณะว่า ” ไม่มี ” อ้าวววววววว แล้วทำไงล่ะทีนี้ เค้าบอกว่าต้องย้อนกลับไปที่ กัญจีปุรัม ที่นั่นจะมีรถต่อไป Mahabalipuram

อะไรนะ ถามอีกทีเพื่อความชัวร์ เค้าย้ำว่ายังไงก็ต้องไปต่อกัญจีปุรัม นั่นๆ รถคันนั้นจะออกแล้ว อร้ายยย  วิ่งสิคะวิ่ง

ขึ้นมาบนรถได้ รถก็เต็มแล้ว นี่สินะของจริง ตั๋วยืนค่ะ ตัวยืน ทีแรกก็ยืนรวมกัน หลังจากยืนไปสักพัก เริ่มถูกฝูงชนเบียดไปอยู่กลางรถ

ผ่านมาชั่วโมง คนยังคงขึ้นมาตามทางอย่างต่อเนื่อง เริ่มแน่น เบียดกันที่สุด กลิ่น HD เริ่มมา แรง ตรง เร็ว ฟืด…อืม เครื่องเทศล้วน หันหน้าเปลี่ยนทิศฉับพลัน เพื่อขอลมธรรมชาติช่วยล้างใจสักเล็กน้อย

และ หญิงไทยผู้อึด ถึก บึก อวบเล็กน้อย หันมาสู้และเก็บภาพต่อ ถ่ายภาพผ่านจั๊กกะแร้ชายคนหนึ่งได้ นี่ ฉันผ่าน level 3 แล้วสินะ หุๆ

ในที่สุดเราก็มาถึงท่ารถกัญจีปุรัม พอลงมาสิ่งแรกที่พุ่งไปหาคือน้ำดื่มเย็นฉ่ำสักแก้ว มติเป็นเอกฉันท์ จัดไป

ท่ารถ กัญจีปุรัม คงเป็นท่ารถศูนย์กลางที่จะนั่งไปเมืองอื่น เพราะคนเยอะมากวันนี้

ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว สอบถามทุกคนชี้ไปทางเดียว ต่อคันนี้ ได้นั่งแว้วว ดีใจมาก

ระหว่างนั่งรอรถก็มีแม่ค้า มาขายของทั้งของกิน เครื่องประดับ และที่นี่ เจ๊ของเราเกือบจะได้เจอเนื้อคู่ 555 มีชายหนุ่มขายถั่วมาพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษเป็นคำๆ รถจะออกแล้วยังไม่เลิกคุย สุดท้ายก่อนไปจะขออีเมล์เรา เราก็ยิ้มทำเป็นไม่เข้าใจว่างั้น ก่อนลงพี่แก ก็ตักถั่วให้กินฟรีเลยจ้า  ชอบนะของฟรีเนี่ย

เรารับถั่วด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง อิอิ จริงๆ ก็อยากลองแต่ให้ซื้อก็ไม่กล้า พอรถออกเราแบ่งกันชิม อร่อย กินเพลิน มันๆ เค็มนิดหน่อย

พอได้นั่ง ก็เอากล้องมาเก็บภาพข้างทางได้หลายภาพ  ดีใจที่เลือกนั่งรถบัส ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การขึ้นรถบัสข้ามเมือง ได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนอินเดียจริงๆ ประสบการณ์ที่เงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องบ้าและหลงด้วย 555

ค่ารถจำได้ว่า 42 รูปี เอาล่ะให้เงินน้องเค้าไปหมดแล้ว มีแต่แบงค์ 100 ยื่นให้กระเป๋า ฮีไม่มีทอน สรุปว่า พี่เค้ายกให้ (อีกแล้ว) 555

ภาพข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งนา เขียวสุดลูกหูลูกตา มองเพลินเชียว

ทิ้งไว้ด้วยภาพนี้ดีกว่า ภาพโรนัลโด้ นักเตะชื่อดังก็ขึ้นรถประจำทางเหมือนกันนะ แต่ดูจะก้นอวบไปสักหน่อย :P

ตอนหน้ามาเล่าต่อ ว่าไปถึงเมือง มหาบาลีปุรัม เมืองที่มีวัดริมทะเล ก้อนเนยพระกฤษณะคืออะไร แล้วประภาคารที่ชมวิวได้ทั้งเมืองอีก จะสวย ฟินขนาดไหนต้องติดตามนะจ้ะ