เที่ยวอินเดีย เชนไน ตอนสุดท้าย : มหาบาลีปุรัม วัดริมทะเล พร้อมแบกเป้เข้ากรุง

ความเดิมตอนที่แล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุด ก็มาถึงตอนท้ายสุดแล้ว แลดูเหมือนจะเล่าไม่ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ที่ช้าคือ รูปเยอะมาก แค่เอาเลือกรูปก็หมดไปวันนึง อีกวันก็มาใส่โลโก้ วันที่สามถึงจะเริ่มเขียน เหอๆ

IMG_2842

มาต่อกันเลยดีกว่า วันสุดท้ายแล้ว ชาร์ตพลังมาเต็มเปี่ยม วันนี้เราตื่นแต่เช้า กะว่าจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เมื่อคืนเราเดินเจอร้านอาหารริมทะเล เลยว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแถวนั้นอีก แล้วเราก็ไม่ผิดหวัง

 

IMG_2766เก็บภาพบรรยากาศ ชาวเรือกำลังทำงานอย่างขมักเขม้น เพิ่งรู้ว่า เรือประมง ที่จอดเรียงรายตลอดแนวชายหาดนี่ใช้งานได้ ภาพที่เห็นคือ ชาวประมงช่วยกันแบกเครื่องยนต์มาประกอบร่างกับเรือ จากนั้นช่วยกันลากลงทะเล และออกไปหาปลาก่อนแสงตะวันจะขึ้นมาทักทาย

IMG_2839

ณ ทะเลอินเดีย ความมีเสน่ห์และแตกต่างของที่นี่ คือ ไปไหนก็เจอพี่วัว ไม่เว้นแม้แต่ไปริมชายหาด แหม มารับแสงตะวันเหมือนกันเรอะ หน้าฟินเหลือกำลัง

ด้านข้าง เป็น Shore Temple หมายมั่นว่าจะไปเดินเที่ยวตอนสาย เราเลือกกลับเที่ยวบินเย็น มีเวลาเหลือเฟือ

IMG_2815

พระอาทิตย์ใกล้โผล่ขึ้นมาทักทายแล้ว กว่าคุณเมฆจะยอมพัดผ่าน เกือบเจ็ดโมง และแล้วก็ไม่ผิดหวัง แสงตะวันลอดพ้นก้อนเมฆเป็นลำแสงสวยงามสมกับที่รอคอยเลยทีเดียว

IMG_2828

แสงตะวันสาดส่องมา ฉากหน้าคือ คู่รักเดินพูดคุย ผ่านกรอบเลนส์ นี่ถ้าฉันไปเดินต่อท้าย คงเหมือน คนใช้มาช่วยถือของให้เจ้านายเป็นแน่ เสียงนางอิจฉาดูจะเด่นชัดขึ้น ออกแนวอิจฉาเค้า 555

IMG_2823

เก็บภาพจนหนำใจแล้ว เดินเรื่อยมาตามถนน เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน มันมีเสน่ห์ดึงดูดเราเหลือหลาย ภาพคนกำลังตั้งร้านค้า ภาพชาวบ้านดำเนินชีวิต ภาพพ่อค้าร้านกาแฟกำลังตั้งใจเสริฟกาแฟรสชาติเข้มข้นให้ลูกค้า นี่แหละ ข้อดีของการตื่นเช้า นอกจากจะได้แสงสวยๆ ยังได้ภาพที่ถูกใจ

หญิงสาวกับคนโทใส่น้ำ
หญิงสาวกับคนโทใส่น้ำ
น้ำก๊อก สาธารณะติดตั้งติดกับถนน เด็กน้อยยืนรออาบน้ำยามเช้า
น้ำก๊อก สาธารณะติดตั้งติดกับถนน เด็กน้อยยืนรออาบน้ำยามเช้า
ร้านขายผลไม้ กลิ่นกล้วยหอมสุกโชยมาแต่ไกล
ร้านขายผลไม้ กลิ่นกล้วยหอมสุกโชยมาแต่ไกล

สะดุดตากับกิจกรรมการวาดโกลัม เลยขอตามติดคุณป้าตั้งแต่เริ่มเอาน้ำราดรดไปที่พื้นเพื่อทำความสะอาด ก่อนใช้แป้งสีขาว วาดโกลัม เครื่องหมายป้องกันคุ้มภัยที่สืบทอดลวดลายจากรุ่นสู่รุ่น ตกทอดกันมาเรื่อยๆ ก้มโก่งโค้ง ตั้งใจเขียนทุกเช้าให้คนในครอบครัว นอกจากฉันเห็นความสวยงามของลวดลายตัดกับพื้นถนนแล้ว ฉันยังเห็นความรัก อีกด้วย เพื่อนๆ เห็นเหมือนกันไหม

ป้าวาดโกลัมให้คุ้มครองครอบครัวจากสิ่งชั่วร้ายทุกเช้า
ป้าวาดโกลัมให้คุ้มครองครอบครัวจากสิ่งชั่วร้ายทุกเช้า

ผู้คนเริ่มทยอยออกมาเปิดร้านค้ากันมากขึ้น เราเดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อทานข้าวเช้า และแน่นอนเป็นมังสวิรัติ แอบคิดถึงไข่ไก่เล็กน้อย งึ้ดๆ รสชาติของแกงและมันฝรั่งอบเครื่องเทศ ยังทำให้ฉันเจริญอาหารอยู่ ที่ชอบมากสุดเห็นจะเป็นชา หอมชื่นใจจริงๆ เข้ากันได้ดีกับการกินของมัน

ชาร้อนใส่นม สักแก้วก่อนเริ่มวันใหม่ มันสุโค่ยยยย
ชาร้อนใส่นม สักแก้วก่อนเริ่มวันใหม่ มันสุโค่ยยยย

เข้าห้องทำธุระส่วนตัว แพ็คกระเป๋าเก็บเรียบร้อย กล้องพร้อม เดินไป เที่ยว Shore Temple กัน เมืองมหาบาลีปุรัม สถานที่ท่องเที่ยว สามารถเดินเที่ยวได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทาง ชอบจัง ประหยัดค่ารถไปอีก

สีสันบ้านเรือนตัดกับท้องฟ้าแจ่มใส
สีสันบ้านเรือนตัดกับท้องฟ้าแจ่มใส
ร้านค้าตามทางเดิน ที่เปิดรอนักท่องเที่ยวแต่เช้า
ร้านค้าตามทางเดิน ที่เปิดรอนักท่องเที่ยวแต่เช้า

เราเดินผ่านซอย เจอร้านขายเสื้อ เนื้อผ้าดี ลายน่ารักแปลกตา ใครใจไม่แข็งพอ ผ่านด่านร้านเสื้อผ้ายากมาก เพราะเลือกสรรมาให้มาดูดกระเป๋าเงินเราโดยแท้ บ้านเรือนแถวนี้สีสันตัดกันน่าดู แวะเดินถ่ายรูปเป็นระยะ

ทางเข้าซื้อบัตรอยู่ด้านซ้าย ให้แวะซื้อบัตรก่อน ไม่เช่นนั้น เค้าจะให้เดินกลับมาซื้อใหม่อยู่ดีนะจ้ะ
ทางเข้าซื้อบัตรอยู่ด้านซ้าย ให้แวะซื้อบัตรก่อน ไม่เช่นนั้น เค้าจะให้เดินกลับมาซื้อใหม่อยู่ดีนะจ้ะ
บัตรเข้าชม Shore Temple
บัตรเข้าชม Shore Temple

ใกล้ถึงวัดแล้ว บริเวณด้านหน้ามีของที่ระลึกขายเยอะเชียว ทั้งสร้อยทำจากเปลือกหอย กลอง รองเท้า ตัดใจเดินตรงไปที่ขายตั๋วเข้า Shore Temple ราคา 250 บาท ถือว่าค่อนข้างแพง แพงกว่าทุกที่ในทริปนี้ อาจเป็นเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย ในตั๋วเขียนว่า ไปเที่ยวที่อื่นได้ตามรูปในตั๋ว ไม่ต้องเสียสตางค์เพิ่ม แต่เอิ่ม … มันอยู่คนละเมืองอ่ะพี่

หินทรายที่ทำเป็นทางน้ำไหล รอบคู
หินทรายที่ทำเป็นทางน้ำไหล รอบคู
รูปปั้นกองทัพวัว รอบกำแพงวัด
รูปปั้นกองทัพวัว รอบกำแพงวัด
ภาพอีกด้านของ Shore Temple
ภาพอีกด้านของ Shore Temple

แดดแรง เอาการ จากประตูเดินไปไกลพอดี เรารีบจ้ำๆ เพื่อไปให้ถึงตัววัด วัดทำจากหินทราย สึกกร่อนไปตามกระแสลมมากพอดู แต่ยังพอให้เห็น การจัดวางสถาปัตยกรรมอย่างดี รอบนอกเหมือนแท่งระบายน้ำลงคู รอบวัดเหมือนเป็นคูน้ำ กำแพงชั้นนอก มีรูปปั้นวัว นอนอยู่รอบกำแพง กำแพงชั้นในติดกับตัววัด มีแกะสลักเป็นสัตว์ตำนาน และเหมือนสัญลักษณ์ เพศชาย กับเพศหญิงอยู่อีกด้านหนึ่งของวัด

Shore Temple นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนเป็นกลุ่มตลอดเวลา
Shore Temple นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนเป็นกลุ่มตลอดเวลา

ด้านในมีบันไดสามารถเดินเข้าไปสักการะแท่นหิน ที่ตัววัดสร้างครอบเอาไว้ คนฮินดูเอามือไปแตะแท่นหิน และนำมาแตะหน้าผากเพื่อความเป็นสิริมงคล แน่นอนค่ะทำตามด้วย

บางส่วนของหินทราบจะเห็นร่องรอยความพยายามในการบูรณะด้วยปูน
บางส่วนของหินทราบจะเห็นร่องรอยความพยายามในการบูรณะด้วยปูน

เหลืออีกที่ ประภาคารที่เราเห็นลิบๆ จากตรงก้อนเนยพระศิวะ เวลามีจำกัด จ้ำสิคะ เหงื่อท่วม เราเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ แล้ววกเข้ามาที่ทางเข้าตัวประภาคาร เสียเงินค่าเข้าไป 75 บาทต่อคน ถ้าเข้าพิพิธภัณฑ์ต้องเสียสตางค์อีก เลยข้าม 555 งกตลอด

 

งงกับพี่แก เครื่องออกตั๋วอัตโนมือ อย่างที่เห็น เอาคนหยอดแบงค์ และตั๋วออกมาใส่มือทันทีเลยเจรงๆ
งงกับพี่แก เครื่องออกตั๋วอัตโนมือ อย่างที่เห็น เอาคนหยอดแบงค์ และตั๋วออกมาใส่มือทันทีเลยเจรงๆ

วันนี้พลาดอย่างแรง เอากล้องมาแต่ลืมเปลี่ยนแบตเตอรี่ แบตหมดเกลี้ยงเลย อาศัยมีกล้องตัวเล็ก ภาพอาจจะไม่งาม แต่ได้เก็บวิวพาโนรามา เมืองมหาบาลีปุรัมบนยอดประภาคารมาฝากเพื่อนๆ ได้ล่ะ

วิวพาโนรามา สดชื่น อยากจะเป็นนางเอก ตะโกนหาพระเอก ไรอย่างนี้ก็กลัวจะโดนจับนะ
วิวพาโนรามา สดชื่น อยากจะเป็นนางเอก ตะโกนหาพระเอก ไรอย่างนี้ก็กลัวจะโดนจับนะ
ทางขึ้นประภาคาร เดินได้ทีละหนึ่ง สวนกันได้แต่ต้องเอียงตัวสุดฤทธิ์ ใครอ้วนไม่อ้วนวัดมวลไขมันได้เลยที่บันได
ทางขึ้นประภาคาร เดินได้ทีละหนึ่ง สวนกันได้แต่ต้องเอียงตัวสุดฤทธิ์ ใครอ้วนไม่อ้วนวัดมวลไขมันได้เลยที่บันได

ใครที่กลัวความสูง ไม่สามารถเลยนะคะ นี่ขนาดไม่กลัว ยังเสียวๆ เลยอ่ะ สูงใช่ย่อย แต่คุ้มที่สุด ลมพัดแรง เย็นสบายมาก วิว ก็สวยมาก มองเห็นทุกมุมในเมืองนี้เลย เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีมาก ด้านนึงเห็นชายฝั่งติดทะเล อีกด้านเป็นวิว เมือง

IMG_2878

ได้เวลาพอสมควร ร้อนเป็นที่สุด ระหว่างเดินทางกลับเห็นร้านค้า ที่มีรูปผลไม้อยู่ไม่รอช้า แวะทันที แล้วเราก็ได้เจอสวรรค์ที่นี่ มันคือ  …. มันคือ …. น้ำแข็ง

โอ้ว เริงร่ามาก แปลกใจที่สุด เจ๋งอ่ะ มีน้ำปั่น ดีใจเว่อร์ไปไหมเนี่ย น้ำแข็งที่นี่ เค้าแพ็คเป็นถุงสีเหลื่ยมเล็กๆ จะกินก็เอาบังตอ ทุบโป๊กๆ มือหยิบใส่แก้ว โอ้ย…เทโค้กอินเดียใส่ป๊าป ฟิน T_T น้ำตาไหลพราก โค้กดีที่สุด เอ้ย ผิดสโลแกนและ

จากนั้นก็สั่งน้ำปั่น มีทับทิม มะม่วง องุ่น เสาวรส หลายหลาก คั้นกันสดๆ เนื้อเน้นๆ น้ำแข็งไม่เยอะ ชื่นใจ สิริรวม ราคา คนละแก้ว โค้ก 2 น้ำแข็ง 2 ถุงเล็ก 90 บาท

(ภาพหาย หาภาพไม่เจอ เง้อๆ YwY หรือว่าฟินเกินจนลืมเก็บภาพก็ไม่รู้)

หน้าบ้านใครไม่รู้ 555 เหมือนไหม
หน้าบ้านใครไม่รู้ 555 เหมือนไหม

ทีนี้พอจะกลับก็มานึกถึงของฝาก เออ ซื้ออะไรไปฝากคนอื่นดีล่ะ ที่แสดงความเป็นอินเดีย สิ่งแรกที่นึกถึงเลย คือ ชา อร่อยจริงจัง เดินกลับโรงแรม เจอร้านขายของชำ บอกไปว่าอยากได้ชา จัดมาเป็นกล่องใหญ่ ผงชาเต็มกล่อง ไม่มีเป็นซองสำเร็จรูปพร้อมชง คุยกันอยู่นาน สรุป ไม่สามารถสื่อสารได้ อดสิคะ

ไม่ยอมแพ้ ตัวเลือกที่สอง สบู่ เค้าว่าสบู่ยี่ห้อหิมาลัย เจ๋งเป็นที่สุด จัดไปค่ะ เดินไปเจออีกร้าน มีพอดีเล้ย เหมามาหมดร้าน เจ้าของร้านทำหน้าแบบ พวกแกคงตัวเหม็นมากสินะ แบ่งกันได้มาคนละ 6 ก้อน ตกก้อนละ 20 กว่าบาท

ภาพแกะสลักก้อนหินยักษ์ Arjuna's Palace อลังการดาวล้านดวง
ภาพแกะสลักก้อนหินยักษ์ Arjuna’s Palace อลังการดาวล้านดวง

ได้เวลาเดินทางเข้ากรุงและ ถามทางมา ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ไม่มีรถที่ไปถึงสนามบิน ต้องไปต่อรถเอาใกล้ๆ เมืองเชนไนอีก ทางเลือกมีไหมล่ะ พูดเลยว่าไม่มี 555 แค่ได้นั่งก็ดีแค่ไหนแล้ว

รถตุ๊กๆ แบบโดยสารหลายคน ด้านในมือมือจับไว้ยึดเวลารถซิ่งด้วยอ่ะ
รถตุ๊กๆ แบบโดยสารหลายคน ด้านในมือมือจับไว้ยึดเวลารถซิ่งด้วยอ่ะ

บอกกระเป๋ารถเมล์ไปแล้วว่าจะไป Airport จะให้ลงต่อรถตรงไหนก็บอกแล้วกัน ภาพระหว่างการเดินทาง ที่อินเดียจะเห็นว่า ป้ายโฆษณาต่างๆ ยังใช้คนเขียนภาพอยู่ทุกภาพ ชอบมากเลย เพราะมันดูเป็นศิลปะ มีความใส่ใจ มีชีวิตมากกว่าป้ายไวนิลเป็นไหนๆ

เขียนป้ายกันกลางแดดเปรี้ยงเลย อาร์ตซะไม่มี บางป้ายเป็นภาพวาดด้วยนะ
เขียนป้ายกันกลางแดดเปรี้ยงเลย อาร์ตซะไม่มี บางป้ายเป็นภาพวาดด้วยนะ

ภาพตึก อาคาร ร้านค้าหรูหรามาทดแทนนาข้าว แสดงถึงความเป็นเมืองกรุง ใกล้จะลงแล้วสินะ ทริปที่หลง มึนงง เป็นทริปที่มีความสุขและประทับใจสุดๆ เลยแหะ

เมืองไหนๆ ของอินเดีย ต้องมีอาชีพช่างซ่อมรองเท้า เป็นที่ต้องการจริงๆ
เมืองไหนๆ ของอินเดีย ต้องมีอาชีพช่างซ่อมรองเท้า เป็นที่ต้องการจริงๆ

ลงหันมาพยักหน้าเรียกเราให้ลง เราสามคนลงรถไปแบบงง แล้วไงต่อดีหว่า ถามเอาแล้วกัน เอ้าชี้ไปที่รถคันถัดไปทันที เห็นแว้ปๆ เหมือนเขียนว่า Airport วิ่งขึ้นไปแบบยังงง อยู่ คนในรถคงได้ยินว่าเราจะไปสนามบิน อาสาพาเราไป เฮ้ย จริงดิ ใจดีโคตรอ่ะ ชวนคุยไปมา พี่แกเป็นไอที ทำงานอยู่ที่เมืองเชนไนนี่แหละ (จริงๆ แกบอกชื่อบริษัทฯ แต่จำไม่ได้) แกบอกว่าแกจอดรถที่สนามบินอยู่แล้ว มาๆ ลงพร้อมแกนี่แหละ เดินไปต่อรถด้วยกัน

ชายหนุ่ม Dark Talk and kind ใจดีมากๆ พาเราไปสนามบินโดยปลอดภัย
ชายหนุ่ม Dark Talk and kind ใจดีมากๆ พาเราไปสนามบินโดยปลอดภัย

ลงจากรถ เดินตามพี่แกอย่างว่าง่าย ระหว่างรอรถโดยสาร เลยขอแชะภาพคู่พี่แกหน่อย แหม ทริปนี้เจอแต่คนน่ารัก ใครว่าคนอินเดียน่ากลัว ขอเถียงพุงชนฝาเลย รอรถนานเหมือนกัน ขึ้นรถไป พี่แกจะขอเลี้ยงอีก เราคนไทยเป๋าหนักมากพูดเลย ไม่ยอม ขอจ่ายให้พี่แกด้วย

เรามาถึงสนามบิน พี่แกเดินมาส่งที่ทางเข้า บอกว่า นี่คงเป็นพรหมลิขิตสินะ ไม่งั้นเราคงไม่ได้เจอกัน อืม ก็จริงนะ ข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาตั้งไกล ยังอุตส่าห์มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ แลก email,facebook ไปตามธรรมเนียม สัญญาว่าจะส่งรูปไปให้

ร้านอาหารในสนามบิน มีด้านนอก ซึ่งไม่มีแอร์นะขอรับ ที่นั่งก็จำกัด พื้นสิฮะ จัดไป
ร้านอาหารในสนามบิน มีด้านนอก ซึ่งไม่มีแอร์นะขอรับ ที่นั่งก็จำกัด พื้นสิฮะ จัดไป

เรามาถึงสนามบินก่อนเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง เลยยืนทานแซนวิส อยู่ด้านนอกตัวอาคาร เพราะไม่รู้ว่าด้านในจะแพงหรือเปล่า จากนั้นคิดว่าเดี๋ยวเดินเข้าไป check in เลยดีกว่า จะได้ไปนั่งแอร์เย็นๆ ด้านใน ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้าเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้นะจ้ะ และด้านในไม่มีร้านอาหาร

ก่อนแสงสุดท้าย ที่สนามบินเชนไน
ก่อนแสงสุดท้าย ที่สนามบินเชนไน

ไม่น่าล่ะ คนถึงอยู่ด้านนอกเต็มไปหมด เศษสตางค์ยังเหลือ พอที่จะแบ่งกินโกโก้เย็นอร่อยๆ ได้อีกแก้ว ราคาในสนามบินแพงหูดับเลย แถมราคาที่โชว์ยังไม่รวม VAT อีกต่างหาก โอ้วววว โหดร้าย internet ก็ไม่มี เลยนั่งดูรูปเล่น  สักพัก เห็นแสงอาทิตย์สวยเชียว เลยตามไปเก็บภาพ ได้ภาพเท่ห์ของสนามบินมาหลายรูปเชียว

ได้เวลาอันสมควรแล้ว เดินเข้าไปเช็คอิน ปรากฏว่า เปิด check in ช้ามาก ก่อนบินแค่ ชั่วโมงครึ่ง (โดยปกติ ระหว่างประเทศ จะเปิดล่วงหน้า 3 ชั่วโมง) และเสียเวลาค่อนข้างมากในการตรวจสัมภาระ แยกชาย หญิง ด้านฝ่ายหญิงมีห้องและผ้าม่านทุกคนต้องเดินผ่านห้องนี้ด้วย ตื่นเต้นดีแฮะ แปลกดี

เป็นสนามบิน ที่ยังดู งง ชีวิตอยู่ เอานะ จะได้กลับบ้านและ คิดถึงเมืองไทยเหมือนกันนะเนี่ย >_<
เป็นสนามบิน ที่ยังดู งง ชีวิตอยู่ เอานะ จะได้กลับบ้านและ คิดถึงเมืองไทยเหมือนกันนะเนี่ย >_<

กว่าจะได้บิน ท้องก็ร้องหิวอีกรอบแล้ว เราแลกเงินรูปีคืนหมดแล้ว จาก exchange ด้านนอก เหลือดอลล่าห์ติดกระเป๋าเล็กน้อย แต่เป็นความผิดพลาดอย่างแรง เพราะร้านในสนามบิน รับแต่เงินรูปี ม่ายยยยยย

ยังโชคดีมีร้านเดียวที่ยอมให้รูดบัตรเครดิต ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ Visa Card ช่วยเราได้ในยามวิกฤตค่ะ ขอบคุณมากค่ะ สวาปามทุกสิงด้วยความหิว ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับบ้านแล้ว ดีใจที่เลือกมาอินเดีย ได้มาเห็นอินเดียอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยแม้แต่จินตนาการไว้ ขอบคุณตั๋วโปรของหางแดงที่พาเรามาที่นี่

เชนไน อินเดีย 101 นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามแล้ว คนอินเดียตรึงใจฉันด้วยความน่ารัก ใจดี มิตรภาพที่เบ่งบาน งอกงามในใจฉันไปอีกนานแสนนาน

# I am traveller

ใคร ใครก็เที่ยวได้

ปอลิง สิริรวมค่าใช้จ่ายทุกสิ่ง ตลอดการเดินทาง 5วัน 4 คืน 12,870 บาท

(ค่าเดินทาง 840 บาท,ค่าโรงแรม5,087 (บวกที่จองพลาดไป 1 คืนแล้ว) ค่าอาหารและของฝากเล็กน้อย 863 ค่าทำวีซ่า 1,700 บาท ค่าตั๋วไปกลับ 4,380 บาท)

Leave a Reply

>
Facebook