มัณฑะเลย์
เช้านี้วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ด้วยเครื่องบินในประเทศเหมือนเดิม เราให้โรงแรมเรียกรถรอไว้ให้ และตื่นแต่เช้ามาทานอาหาร เพื่อให้ทันเที่ยวบินรอบ 7.30 น. รอรถมารับตอน 6.30 นั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงสนามบิน
ตรงเวลาเป๊ะมานั่งรอที่ lobby เจ้าหน้าที่โทรตามแท็กซี่ให้ แต่ปรากฏว่า พี่เค้าปิดเครื่อง เอิ่มคืออะไร เห็นพนักงานพยายามโทร สงสัยจะเช้าเกินไป ไม่เป็นไร รออีกสักหน่อย เฮ้ย ,,,จะเจ็ดโมงแล้วอ่ะ เอายังไงดี มีตัวเลือกมีแค่ “ควบรถม้า” ตุเลงตุเลงเค้าว่า ชั่วโมงนึง เครื่องขึ้น 8 โมง ยังไงล่ะหมวย ส่วนอีกตัวเลือกนึง เป็น “พระ”
หลวงพี่ซึ่งเป็นพระ ทำหน้าที่ไกด์ และฆราวาสแต่งชุดขาวทั้งคณะกำลังทยอยขึ้นรถ ลังเลแค่เสี้ยววินาที เอาวะ มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย วิ่งไปหาหลวงพี่ … ลืมคิดไปว่า แล้วตรูจะเกริ่นเป็นภาษาอะไรดี
เอามันซื่อๆ นี่แหละ “นมัสการ” good morning เจ้าค่ะ ปนกันมั่วไปหมด ภาษามือ ภาษากาย ทุกสิ่ง ส่วนเพื่อนๆ ยืนให้กำลังใจอยู่ห่างๆ สอบถามได้ความว่า คณะท่านกำลังไปสนามบินเหมือนกัน และมีที่นั่งเหลือ 3 ที่พอดิบพอดี อะไรมันจะโชคดีปานนั้น หมวยและเดอะแกงค์ กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่นึกมาก่อนเลยว่า พระเป็นที่พึ่งได้ทุกเรื่องจริงๆ
พอขึ้นรถเท่านั้นแหละ ทุกคนเริ่มสวดมนต์ (ไม่ใช่คนไทย) เป็นภาษาบาลี อะระหังสัมมา เฮ้ย เราท่องได้ บรรเลงเลยสิ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนะ อาศัยรถเค้าด้วย สรุปว่าสวดมนต์ทำวัตรเช้าไปตลอดทางระหว่างไปสนามบิน ได้บุญ แถมขึ้นเครื่องได้ทันเวลาด้วย นึกว่าต้องควบรถม้าเป็นอินเดียนน่าโจนส์มาขึ้นเครื่องบินซะแล้ว ทริปนี้มากับดวงจริงๆ
เริ่มต้นทริปมัณฑะเลย์ได้ดีเลยว่ามะ เหอๆ
สนามบินที่พุกามยังบ้าน บ้านสักหน่อย เวลาเรียกขึ้นเครื่องใช้ พนักงานเดินถือป้ายแจ้งว่า Boarding Time แล้วนะจ้ะ เตรียมตัวไปขึ้นเครื่องด้วยล่ะ เสียงในสนามบินจะอื้ออึงมาก ดังนั้น อาศัยดูป้ายสายการบินและเวลาที่เจ้าหน้าที่เดินโฉบไปมาเท่านั้น
ถึงสนามบินมัณฑะเลย์ แหะๆ คณะทัวร์ธรรมะ มาลงที่เดียวกันด้วย หันไปไหว้พระท่านอีกหนึ่งที ก่อนเดินออกมาหารถเพื่อไปที่โรงแรมที่จองไว้
เราว่าจ้างรถยนต์ที่เมืองมัณฑะเลย์ โดยอาศัยให้โรงแรมช่วยติดต่อและต่อรองราคาให้ เพราะคนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ อาศัยใช้กางแผนที่และแล้วแต่คนขับจะพาที่ไป โดยเราชี้ขอให้แวะเที่ยวที่สำคัญในเมืองมัณฑะเลย์ให้ครบทุกที่เป็นพอ คนขับคิดราคาอยู่ที่ 22,000 จ๊าดต่อวัน ตกลงราคาและแผนการเที่ยวได้แล้ว ก็ตะลุยเมืองมัณฑะเลย์ได้เลย
เมืองมัณฑะเลย์ เป็นเมืองสุดท้ายก่อนที่พม่าจะถูกอังกฤษยึดครอง และมีขนาดใหญ่รองลงมาจากเมืองย่างกุ้ง ดังนั้นเราจะเห็นว่า เมืองมัณฑะเลย์ ค่อนข้างเจริญมากกว่าเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม
สถานที่แรก ที่ประทับใจและจำได้จนถึงทุกวันนี้ คือ
วัดชเวอินบิน อาคารทำจากไม้แกะสลัก อาคารทำจากไม้สัก เป็นยอดฉัตรสูงขึ้นไป 7 ชั้น อาคารก่อสร้างแบบโบราณ บานหน้าต่างประตู ยังคงต้องใช้ไม้ค้ำยัน เช่นสมัยก่อน ซุ้มประตูครึ่งวงกลม แกะสลักสวยงามมากเกี่ยวกับพุทธชาติชาดก ส่วนตัวหมวยชอบวัดชเวอินบินมากที่สุดในมัณฑะเลย์แล้ว ดีใจที่คุณพี่แท็กซี่พามาชมเป็นวัดแรก
ไม่ไกลกันนักเป็น พระตำหนักชเวนันดอร์ Golden Place Monastry หรือ บางคนเรียกวัดมณเฑียรทอง ซึ่งทั้งหลังทำมาจากไม้สักทอง โดยพระเจ้ามินดงทรงดำรินำไม้สักเก่าจากพระราชวังมาสร้างเป็นวัดที่นี่ เพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญธรรม โดยระเบียงและระแนงต่างๆ เสาทุกต้น แกะสลักอย่างวิจิตร งดงาม โชคดีมากที่วัดนี้ไม่ได้รับผลกระทบในสงครามโลกครั้งที่ 2
เริ่มเพลียเราก็มาแวะพักทานข้าวแถวประตู หน้าพระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งร้านอาหารที่พี่คนขับพาเราไปทานร้านอาหารแนวฟิวชั่นจีน ร้านอาหารที่นี่จานใหญ่มาก ราคาตกจานละ 200-300 บาท คือไปกัน 3 คน สั่งแค่สองจานอิ่มไปถึงเย็นวันพรุ่งนี้ได้เลย แต่ด้วยความโลภสั่งมา 3 จานเหลือ พยายามจะสื่อสารกับพี่เค้าเพื่อขอห่อกลับบ้าน สุดท้ายคือ ไม่เข้าใจกัน หรือว่าไม่มีถุงพลาสติกใส่อาหารกลับ เท่าที่สังเกตุที่พม่ายังไม่นิยมการใช้ถุงพลาสติกมากนัก
จากนั้นเรามาต่อกันด้วย พระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เรียกว่ากว่าจะเดินไปถึงพระราชวังก็ไกลเอาการอยู่ พระราชวังมัณฑะเลย์ เกิดขึ้นจากการหนีการไล่ล่าของอังกฤษของพระเจ้ามินดงมาที่เมืองมัณฑะเลย์ ด้านในมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ประวัติพระราชวัง ด้านในเป็นประภาคารไม้ที่เมื่อขึ้นไปด้านบน จะเห็นมวลหมู่มณเทียรทุกด้านของเมืองมัณฑะเลย์
นั่งเล่นชมวิวพระราชวังไป ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปไปด้วยเพลิดเพลินจนทำฝากล้องตกไปตอนไหนก็ไม่รู้ TwT
ต่อด้วยวัดกุโสดอร์ พระเจ้ามินดงอีกเช่นกันที่สังคายนาพระไตรปิฏกจึงสร้างวัดนี้ขึ้นมา ความสวยงามของวัดนี้อยู่ที่จารึกพระไตรปิฏกด้านนอกที่ครอบด้วยมณฑปสีขาว เรียงรายสวยงามมาก บริเวณวัดเต็มไปด้วยต้นพิกุล
และแน่นอนก่อนพระอาทิตย์จะตก ที่สุดท้าย ต้องเป็นนี่เลย Mandalay Hill หรือภูเขามัณฑะเลย์ เป็นจุดที่นิยมมาชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ มีแม่น้ำอิระวดีขนาบข้างพร้อมพระอาทิตย์กลมแดงที่กำลังตกแล้ว และด้านบนยังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากสี ด้านบนนอกจากจะมีสถาปัตยกรรมสวยๆ ยังบรรจุสารีริกธาตุ แถมมีพระพุทธรูป ชเวยัตตอร์ประทับยืนสององค์
ยังไม่พอ หันไปเห็นกรุ๊ปทัวร์ธรรมะ และท่านพระอาจารย์กำลังชักภาพหมู่ รู้สึกอยากจะเข้าไปร่วมแจม เพราะเป็นหนี้บุญคุณที่ท่านให้ขึ้นรถมาที่สนามบินเมื่อเช้านี้ ประหนึ่งเคยทำบุญมาร่วมกันเมื่อชาติที่แล้ว อย่างไรอย่างนั้น
พรุ่งนี้ตื่นตี4 เพื่อชมการทำพิธีล้างหน้าพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปที่มีชีวิต เที่ยวเมืองอังวะและสะพานอูเบ็ง ได้ลองดื่มเบียร์มัณฑะเลย์ครั้งแรก แถมมีเด็กน้อยแต่งหน้าด้วยแป้งทานาคาอีกต่างหาก
สวยงาม สนุกสนานแค่ไหน โปรดติดตามตอนต่อไป “อังวะ”
# I am traveller