หลังจากใช้เวลาในเมืองย่างกุ้งแค่ซุกหัวนอนแล้ว ตอนเช้าเราก็รีบตื่นตั้งแต่เจ้าของบ้านยังไม่ทันจะตื่น เพื่อไปสนามบินเพื่อออกเดินทางไปยังเมืองพุกาม
ตั๋วเครื่องบินในประเทศพม่า หมวยจองตั๋วผ่านเวปตั้งแต่ที่เมืองไทย แต่เรายังเอามาใช้ไม่ได้ ต้องนำใบจองไปออกตั๋วที่่สนามบิน หน้าตาตั๋วเหมือนตั๋วรถทัวร์ในบ้านเรา โดยใช้มือพนักงานเขียนล้วนๆ แถมยังต้องเสียค่า fee เพิ่มอีก 8 US ไม่รู้เหมือนกันว่าค่าอะไรอ่ะ
เราขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปพุกาม เครื่องออกเดินทางตรงเวลา และไม่อันตรายมากนัก เพียงแต่การยกกระเป๋า อาจจะไม่สะดวกสบายเพราะยังต้องยกกระเป๋าเองจะเร็วกว่า โชคดีที่ทริปนี้แบกเป้ไปเลยสะดวก
ลงจากเครื่อง ที่สนามบินมีรถแท็กซี่ให้บริการ เราปริ้นใบจองโรงแรมที่มีชื่อภาษาอังกฤษอยู่ คนพม่าส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ ไม่มีปัญหาเลยเรื่องการสื่อสาร เสียตรงที่ค่าที่พักค่อนข้างแพง เราเลือกจองที่พักสวยงาม เนื่องจากไป 3 คนเลยขอเอาเสริมเตียงและสลับกันนอนในแต่ละโรงแรมเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
โรงแรมที่เราพักสวยงาม วิวดี สมราคา ด้านหน้าโรงแรมมีให้บริการ นั่งรถม้าชมเมืองรอบพุกามโดยเมืองพุกามขึ้นชื่อเรื่องทะเลเจดีย์ คือ ทั้งเมืองมีเจดีย์มากกว่า หมี่นองค์ เพราะคนพม่าเชื่อกันว่า หากได้สร้างเจดีย์ถือเป็นการทำบุญใหญ่ เมืองพุกามได้รับการถ่ายทอดความรู้จากพระสงฆ์และช่างฝีมือที่ถูกต้อนมาจากมอญ เมืองสะเทิม เลยทำให้มีเจดีย์เยอะมว๊ากก ขึ้นทะเบียนถึง 2000 แต่ปัจจุบันมีให้เห็น ประมาณ 500 แห่ง
เราตกลงราคาว่าจ้างลงตัวที่ 23,000 จ๊าดทั้งวัน โดยปกติเค้าจะให้นั่งแค่ 2 คน เราขอนั่ง 3 คนเค้าก็ยอม จึงได้นั่งรถม้าเที่ยวรอบเมืองพุกาม โดยส่วนใหญ่ รถม้าจะพาเราไปที่ highlight ในแต่ละแห่งอยู่แล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลคอยอธิบายประวัติต่างๆ รวมถึงช่วยเราถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกด้วย
ที่แรก Soe min gyi Monastery เจ้าหน้าที่ชื่อคุณ lucky (คำแปลอ่ะนะ) ชื่อพม่า จำบ่ได้ เจดีย์แห่งนี้สร้างโดยพระนาง Soe min gyi ราชินีในสมัยนั้น โดยสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยม มีกำแพงสองชั้นในห้องบูชาด้านตะวันตก และ มีห้องด้านหน้าทางตะวันออก เจดีย์นี้ตั้งอยู่ติดริมถนน เราสามารถปีนขึ้นจากซากเจดีย์ไปด้านบนได้ง่าย ซึ่งถือว่าเป็นเจดีย์ที่แตกต่างจากเจดีย์อื่นตรงที่สร้างเป็นห้องๆ ทุกทิศ มีโถงตรงกลาง และล้อมรอบด้วยสนามหญ้า
คุณ lucky ฝึกตัวเองโดยการวาดภาพ ซึ่งแต่ละคนก็จะทำแบบนี้และหารายได้เพิ่มเติมจากการขายรูปวาด อันนี้ฝีมือดีจริงๆ นะ
เจ้าหน้าที่นอกจากคอยแนะนำสถานที่ให้แล้ว ยังพยายามขายงานศิลปะที่พวกเค้าวาดเองให้เราด้วย แต่ทั้งนี้เราจะซื้อหรือไม่ก็ได้ เค้าไม่ได้บังคับ แล้วแต่ความสมัครใจ และความชื่นชอบของเรา
ความเชื่อของชาวพม่า จะต้องสรงน้ำพระ ตามจำนวนอายุปีเกิด
Gu byauk gyi ขึ้นชื่อว่าสวย(ในหนังสือ) ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน ไม่รู้ประวัติอ่ะ แต่ดูเหมือนใครๆ ก็ต้องแวะมา สร้างโดยเจ้าชาย Yaza Kumaya หรือ รู้จักกันในนาม Amat Kyi โดยสร้างเป็น ถ้ำเจดีย์ ซึ่งภายในมีภาพวาดทองคำของพระพุทธเจ้า ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นภาพเขียนสีบนผนังที่บูรณะโดย Unesco แสดงภาพพระพุทธเจ้าและพระราชาอโศกมหาราชและองค์อื่นๆ ซึ่งภาพค่อนข้างสมบูรณ์มาก
ด้านนอกมีขายของที่ระลึก หุ่นกระบอก คนขายอุตส่าห์เอานิ้วมาจับให้นิ่ง ถึงแม้ไม่ซื้อ น่าร๊ากจริงๆ
ใกล้เที่ยง ทางพี่ไกด์ก็พาเราแวะร้านอาหาร เรายอมเลือกนั่งร้านอาหาร เพราะ พี่ไกด์จะได้ทานฟรี ถึงแม้อยากจะไปจกร้านอาหารข้างทางก็ตาม
ใครมาเที่ยวพม่า แล้วกลัวเรื่องอาหารบอกเลยว่า มันอร่อยมาก ยิ่งถ้าเข้าร้านอาหารไม่ต้องกลัวเลย สะอาดทีเดียวแหละ รสชาติก็ค่อนมาทางเหนือของบ้านเรา เรียกว่าถูกปากและคุ้นเคย มีน้ำพริกไว้แกล้มทุกมื้อ เพียงแต่มีเครื่องเคียงพวกแกงรับวัฒนธรรมจากอินเดียเล็กน้อย
สิ่งที่พลาดไม่ได้ star cola ซ่าส์ถึงใจ
สถานที่อีกที่ที่ไม่ควรพลาด Ananda Temple เป็น 1 ใน 4 วัดที่ยังคงเหลือในเมือง Bagan พุกามนี้ ลักษณะของวัดเป็นรูปไม้กางเขน (แปลกเนอะ) ด้านบนมีลักษณะเป็นระเบียงยื่นออกมาเป็นชั้นๆ และมีเจดีย์เล็กๆ ด้านบนลักษณะคล้ายร่ม หรือเรียกว่า Hti แปลว่าร่มในภาษาพม่านั่นแหละ วัดส่วนใหญ่จะเหมือนกันตรง มีการสร้างพระพุทธไว้ 4 ทิศ ซึ่งแต่ละทิศจะมีท่าและพักตร์แตกต่างกัน ทางเดินเชือ่มทิศต่างๆ มีช่องใส่พระพุทธรูปหลายร้อยองค์ ด้านนอกตัววัดมีบริเวณกว้างมาก จะแขวนระฆังไว้ให้ตีเหมือนบ้านเรา
Htilominlo วัดที่ขึ้นชื่อเรือ่งจิตรกรรมฝาผนัง พอสมควร เรียกว่าเก่าแก่มากก่าอ่ะ พระพุทธรูปวัดนี้จะเป็นแบบพม่าจริงๆ ไม่ได้เอามาจากมอญ แต่ประวัติของตัววัดนั้น เป็นวัดสุดท้ายที่แสดงความเสื่อมของเมืองพุกามที่สร้างโดยเมืองขึ้นของกษัตริย์
ภาพผีนัตหลากหลายแบบ ถึง 37 รูปด้วยกัน
คนขับรถม้า ภาษาอังกฤษดีมาก ตลอดทางเราคุยกันตั้งแต่ประวัติในแต่ละเจดีย์ วัฒนธรรม การกิน ยันไปถึงการเมือง เค้าว่าได้เป็นฉากๆ จนรู้สึกอายเล็กๆ ที่ศึกษาเรื่องบ้านเมืองเค้ามาน้อยเกิน ทำให้คุยกับเค้าได้แค่ผิวเผิน ถ้าได้ไปเมืองนี้อีก สัญญาว่าจะทำการบ้านไปอย่างดี
สถานที่ที่สำคัญอีกแห่ง เห็นจะเป็นพระมหาเจดีย์ชเวชิกอง Shwe Zigon Paya ซึ่งเป็นเจดีย์จำลองจาก เจดีย์ชเวดากองที่ย่างกุ้ง เหลืองอร่ามตรึงตาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ขนาดเล็กกว่า และสีทองที่เห็นไม่ได้มาจากแผ่นทองคำจริงเหมือนกับที่เมืองย่างกุ้ง เราเล่นการถ่ายรูปผ่านแว่นตากันแดด ซึ่งมันเข้ากันมาก และทำให้ทริปสนุกขึ้น
มีเจดีย์พุทธคยา คล้ายๆ กับที่อินเดีย ณ มุมนึง จะรองน้ำให้ขังไว้ เพื่อดูเงาสะท้อนของยอดเจดีย์ฯ ลงในน้ำ ช่างคิดจริงๆ ส่องตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เห็น ว่าจะโชคดีงิ ร้อนก็ร้อนแต่พยายาม เห็นชาวบ้านเข้าไปลูบก็ไปลูบด้วย หลังม้าอย่างเงาอ่ะ แล้วเราจะพลาดได้งัย เค้าว่าจะทำให้แข็งแรงตามอวัยวะที่่เราลูบ
Sulamani Pahto หรือเรียกว่าวัดจุฬามณี ภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยมากมาย ภาพแต่ละภาพเป็นพุทธประวัติ สีและการวาดสวยและชัดมาก ลักษณะของวัดเป็นสองชั้นรูปทรงคล้ายปิระมิด สร้างโดยอิฐที่ขึ้นชื่อในพุกาม ทั้งหล่อและแกะสลัก ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ดำริสร้างโดยกษัตริย์ Narapati Sithu
ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติให้ความสนใจ มีการจ้างไกด์ท้องถิ่น คนพม่า พูดได้หลายภาษามาก มีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย อเมริกัน และอีกหลายภาษาที่ฟังไม่ออกอ่ะ สุดยอดดด
น้อง sunny อายุหกขวบ ราชรถของเรา จำได้แต่ชือ่ม้า เวลาเรียก เอาสำเนียงเหมือน ต้อง ซานนน นี พลขี่ของเรา ภาษาอังกฤษเปี๊ยะมากมาย คุยกันตั้งแต่เรือ่งครอบครัวไปถึงการเมือง แต่งงานตั้งแต่อายุ 17 โอ้วว ขับรถม้ามา 20 ปีแล้ว
ถึงซานนี จะเหนื่อย (เราหนักอ่ะ ปกติจะนั่งแค่ 2 คนต่อคัน) เราก็มาถึงที่สุดท้าย จุดที่ต้องมาถ่ายพระอาทิตย์ตก Shwe San Daw Paya ด้านข้างที่มาของกษัติรย์องค์นึงที่เคยถูกจับขังคุก มาก่อน แล้วเกิดความคับแค้นใจ เลยสร้างพระพุทธรูปใหญ่โตและสร้างสถูปเล็กๆ มาครอบ ทำให้คนที่เดินเข้าไปรู้สึกอึดอัด อืม รู้สึกจริงๆ อ่ะ
ด้วยเจดียชเวชิกอง อยู่ค่อนข้างไกลจากที่อื่น น้องซานิ ควบอย่างเร็ว เพื่อพาเรากลับไปทันดูพระอาทิตย์ตก ที่เจดีย์มังคละ โดยเราต้องปีนขึ้นไปบนเจดีย์เพื่อหามุมดีๆ เก็บภาพพระอาทิตย์ตกท่ามกลาง เจดีย์เป็นร้อยๆ องค์ พอได้ปีนป่ายไปด้านบน เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมเค้าเรียกเมืองนี้ว่า ทะเลเจดีย์ เพราะวิวด้านหน้า เป็นเจดีย์ไปสุดลูกหูลูกตา แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า การเดินทางในวันนี้ก็สิ้นสุดลง อย่างตราตรึงใจ
ลากันด้วยภาพแนวตั้งบ้าง อากาศเย็นๆ กับวิวทะเลเจดีย์ สำหรับตากล้องมือใหม่ พร้อมความตั้งใจเต็มเปี่ยม ดีใจที่ได้มาเที่ยวเมืองนี้ ชอบความสงบ เงียบ เรื่อยๆ แต่สุขใจบอกไม่ถูก
ปอลิง ตอนหน้า นั่งเครื่องไป มัณฑะเลย์ต่อ แบบว่า เกือบตกเครื่องเพราะพี่แท็กซี่ที่นัดมารับแต่เช้า ดั๊น ไม่มา ปิดมือถือหายไปซะงั้น แล้วหมวยแอนด์เดอะแกงค์ แก้ปัญหายังไง ติดตามตอนต่อไปได้ที่ “มัณฑะเลย์” กับ ซีรีย์ “เที่ยวพม่า ตกเครื่องเรื่องเล็ก” >__<
# I am traveller