Iluvtravelling

เที่ยวดอยช้าง ชมไร่บุญรอด สักการะวัดร่องขุ่น

จากตอนที่แล้ว ออกจากจุดชมวิวดอยช้างค่อนข้างค่ำแล้ว วนงงๆ หาที่พักอีกพักใหญ่ จนเจอ ดอยช้างรีสอร์ท ติดถนนใหญ่จริงค่ะ แต่ทางเข้าต้องเลี้ยวเข้าซอยเลยทำให้หลงเล็กน้อย

ที่พักของเราวันนี้เป็นห้องหลังทรงบ้านสามเหลี่ยมเล็กๆ ตกแต่งเรียบง่ายมีอุปกรณ์ครบครัน ราคาห้องพักพร้อมอาหารเช้า 800 บาทสำหรับสองคน ถือว่าคุ้มค่าเลย

ค่ำนี้ฝากท้องไว้ที่รีสอร์ทเลยค่ะ เมนูอาหารที่น่าสนใจ “หมูทอดห่อใบกาแฟ” ทานได้ทั้งใบเลยทีเดียว “แกงจืดฝักแม้ว” เมนูธรรมดาแต่เมื่อทานท่ามกลางลมหนาว อุ่นท้องขึ้นมาเลย

ที่ชอบมากเห็นจะเป็น “ผัดผักปวยเล้ง” ผักสดกรอบไม่เค็มเกินไป มื้อนี้ประทับใจ อร่อยที่ซู๊ด พี่โต๊ะข้างๆถึงขั้นขอสูตรอาหาร ประมาณว่าจ่ายสตางค์เหมือนเดิมแต่ขอเข้าไปทำเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือว่าหิว หรือทั้งสองอย่าง 555

กินอิ่มนอนหลับ เช้าวันที่สองของทริปตั้งใจว่าจะไปตามหา พี่ช้าง โลโก้ดอยช้างต้องมีต้นแบบชิมิ ขับรถไปตามทางเจอป้าย กาแฟดอยวาวีมาทางนี้สิจ้ะ เราก็เลี้ยวเลย  ส่วนความตั้งใจแรกพักไว้ก่อน 555 ก็เป็นคนใจง่ายนิ

ป้ายเขียนว่า Organic Wawee Coffee เหมือนว่าที่นี่จะเป็นโรงงานผลิตกาแฟ ประมาณว่าเอาไว้โชว์อ่ะ ไม่มีใครเล้ย เจอพนักงานเหมือนเพิ่งมาถึง ถามเราว่ามาทำอะไร บอกว่ามาชมการผลิตกาแฟ เค้าก็ไม่ห้ามนะ แต่ก็ไม่ได้เชิญ 555 ด้วยความหน้าด้าน ขอเข้าไปชมหน่อยนะคร๊า

ตัวอาคารแบ่งเป็น 2 ส่วน โรงงานรับเมล็ดกาแฟ อีกอาคารทำเหมือนร้านกาแฟสวยมากอ่า ตั้งอยู่บนเนินเขา ทางเข้าจัดเป็นดอกไม้ตามทางเดิน เข้าไปในร้าน เป็นเหมือนศูนย์เรียนรู้ มีเครื่องทำกาแฟหลายรุ่น มีห้องสัมมนา เราขอเก็บภาพ ชื่นชมบรรยากาศ และขอชมโรงงานกาแฟ

เราเจอฝรั่งกลุ่มเล็กๆ เหมือนมาขอเรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟ แอบงงว่าพี่เค้ามาได้ไง รถก็ไม่มี พูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่ก็ดั้นด้นพยายามสื่อสารและถามแบบเชิงลึกมากๆ ประมาณว่าเอาไปทำจริง ทุกขั้นตอน

นี่ขนาดเราเป็นคนไทยยังพยายามฟังพี่คนงานไม่ค่อยปะติดปะต่อเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเข้าใจตามนี้ ขบวนการผลิตกาแฟเริ่มจากการรับซื้อเมล็ดพันธุ์กาแฟ ได้มาแล้วก็ล้างๆ 3น้ำ ต้องแช่ทิ้งไว้ด้วยเพื่อให้เปลือกมันลอยขึ้นมาจนกว่าจะได้เมล็ดกาแฟสวยๆ สีขาวจั๊วะ

ที่เราเห็นเมล็ดกาแฟสีดำนี่ เพราะผ่านการคั่วแล้ว ส่วนเปลือก ก็ไม่ได้นำไปทิ้ง กลิ่นค่อนข้างแรงเลย เอาไปหมักเป็นวัสดุเลี้ยงไส้เดือน ดอยวาวีพยายามเน้นเรื่องการกำจัดของเสีย น้ำที่ล้างเมล็ดกาแฟก็มีการบำบัดก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

ส่วนกาแฟที่ผ่านการล้าง มีความชื้นก็ต้องนำไปตากแดด ใช้แรงงานคนนี่แหละคอยพลิกทุกชั่วโมง แต่จำไม่ได้ว่าตากกี่วันอ่า 555 แล้วเราก็ได้เมล็ดกาแฟที่พร้อมจะนำไปคั๋ว ทั้งโรงใช้แรงงาน 2 คนกับแรงงานเด็กวิ่งไปมา 1 คน

เพราะใช้เครื่องจักรตั้งแต่ชังน้ำหนักเมล็ดกาแฟ ใส่ลงตรงเครื่อง เครื่องก็ปลอกเปลือก เสร็จก็ปล่อยมาตามท่อ บ่อพักล้างกาแฟ เปลือกก็กองให้อีกที่

ดูเหมือนจะง่ายดายและค่อนข้างสะอาดมาก ถือได้ว่าระบบการจัดการดีเยี่ยม

เสียดายขาดเพียงกระบวนการเดียวคือ การคั่วกาแฟ โรงงานปิดพอดี แงๆ เลยขับรถไปตามทางเพื่อลงดอยช้าง เจอร้านกาแฟดอยช้างฟาร์ม Doi Chang Coffee Farm ขอแวะชิมกาแฟสดๆ สักหน่อย

ร้านกาแฟตามข้างทางที่หมวยแวะ เค้ามีโรงงานเป็นของตัวเองเหมือนกันแต่่ไม่ใช่ของโรงงานดอยช้าง เป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน รสชาติกาแฟอร่อยล้ำเช่นเดียวกัน

สอบถามบอกว่า ส่วนใหญ่ดอยช้างจะปลูกกาแฟอาราปริก้า พันธุ์ที่ดื่มเป็น พันธุ์ AAA สงสัยถ้าอยู่ที่นี่ต่อ ตาค้างนอนไม่หลับแน่ มีกาแฟคุณภาพดีให้เสพเพียบ

ถัดมานิดเดียวเป็นร้านกาแฟร้านใหญ่ ซึ่งเป็นออริจินัลของดอยช้าง อันนี้พี่ช้างตัวจริงเสียงจริง แต่เราไม่ไหวจะชิมและ (ซะงั้น) เลยเก็บภาพบรรยากาศร้านกาแฟมาให้เพื่อนๆ ชม เป็นตัวเลือกเผื่อได้มาเที่ยวที่ดอยช้างแห่งนี้

วันนี้เราตั้งใจจะแวะเที่ยวระหว่างทางกลับเข้าตัวเมือง ตั้งใจนอนตัวเมือง 1 คืนก่อนขึ้นดอยแม่สลอง ทริปวันนี้ วางแผนคร่าวๆๆๆๆๆ ว่า

โรงงานกาแฟ ดอยช้าง>>ไร่บุญรอด>>วัดร่องขุ่น>>ที่พัก>>งานเชียงรายดอกไม้งาม>>ถนนคนเดินเชียงราย

จากดอยช้าง เรามุ่งหน้าไป ไร่บุญรอด หาไม่ยากติดถนนใหญ่ ระยะทาง 54 กิโลจากดอยช้าง เห็นสิงห์ทองเด่นมาแต่ไกล จอดรถที่ลานแล้วไปติดต่อเพื่อขึ้นรถรางเที่ยวชมในไร่บุญรอด ค่ารถ 40 บาทต่อคน แต่ๆๆๆๆ คิวเต็มถึง 4 โมงเย็น TwT น้ำตาไหลพราก

เพราะตอนนั้นแค่บ่ายโมงกว่าๆ เอง เลยตัดสินใจว่า คงไม่รอ สงกะสัยต้องมาสอบซ่อมอีกแล้น 555 ขับรถเที่ยวด้านในเองแล้วกันเนอะ แน่นอนเดินลุยแดดท้าลม(ไม่)หนาว ไปถ่ายรูปคู่กับสิงห์นิดนึง ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง

มุมเช่าจักรยาน ท้าแดดเจรงๆ

จากนั้นก็เลือกไปทานอาหาร “ร้านภิรมย์ภักดี” ตรงร้านอาหารมีจุดให้ถ่ายภาพไร่ชากว้างใหญ่แต่ท้องร้องแล้ว เติมพลังให้พุงก่อนแล้วค่อยว่ากันเนอะ ร้านอาหารดูมีราคาพอสมควร

เมนูอาหาร ที่เป็นเมนูแนะนำ จัดไปอย่ารอช้า ไก่ย่างตามชื่อร้าน เนื้อแน่นนุ่มกลมกล่อมสมราคา

ปลาทอด จำชื่อไม่ได้ 555 อร่อย อย่างใหญ่เยอะ ถึงแม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่จานมาใหญ่พอสมควร สปาเก็ตตี้ซอสกุ้ง คุณภาพดี อาหารกลมกล่อมทุกอย่าง บริการเหมือนทานอาหารโรงแรมเลย

สนนราคาทุกสิ่ง 1,412 บาท กระเป๋าแฟ่บไปพอสมควรเลย กินไม่หมดฮะ ห่อกลับๆ ตาม concept เอาไปกินมื้อเย็นกันต่อ (อยากจะยัดของหวานเพื่อมารีวิวให้เพื่อนๆ แต่จุดๆเน้ กลัวกระเป๋าฉีกและกระเพาะไม่ไหวแล้วจริงๆ)

ที่นี่ต้องบอกว่า ขับรถเที่ยวเองไม่ได้ เพราะเค้ากั้นให้เฉพาะรถนำเที่ยววิ่งในส่วนที่จัดแสดงเท่านั้น TwT ใจร้ายยย ถึงแม้จะขอถ่ายรูปแผนที่มาก็ตาม เลยได้แวะเพียงที่เดียวคือร้านอาหารออกแนะตะวันตก มีพวกพิซซ่า สเต็กและไอติม อารมณ์เหมือนฟาร์มโชคชัย มีหน้าผาจำลองให้ทำกิจกรรม และ จักรยานให้เช่าขี่ด้วย

แต่ด้วยอุณหภูมิของแดด และจุดเที่ยวที่ค่อนข้างไกลมากกก ขอไม่สู้ฮะ เลยไม่ได้เก็บภาพ บอลลูน และทุ่งคอสมอสมาฝาก  ร้องไห้หนักมาก กระซิกๆๆ

เลยไปปลอบใจตัวเองด้วยการไปเที่ยวต่อที่วัดร่องขุ่น ซึ่งต้องขับย้อนไป 8 กิโล ทางแยกที่เราผ่านมา ไม่ไกลมาก รวบรวมกำลังใจแล้วไปกันต่อฮะ

ตอนหน้า เก็บภาพวัดร่องขุ่น มาฝากไปรอบที่สามยังประทับใจอยู่เลย มาชมรูปสวยๆ ไปพร้อมๆกันน๊า

#Iamtraveller

iluvtravelling เวปไซด์สำหรับคนชอบเที่ยว

Exit mobile version